ข่าว

พนง."ทีโอที-แคท"แห่ขึ้นป้ายประท้วงไม่เอาบริษัทลูก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พนง."ทีโอที-แคท"แห่ขึ้นป้ายประท้วงไม่เอาบริษัทลูก-บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ

         ทีโอที-แคท ขึ้นป้ายไม่เอาบริษัทลูกร่วมทุน-บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ชี้หนทางนำโครงข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ให้เอกชนเช่าใช้สุดเพ้อฝันแต่ละรายลงทุนกันเองไปหมดแล้วแถมราคายังแพงกว่า ไม่พ้นบีบให้บริษัทแม่เช่าใช้เองในราคาแพงเว่อร์เหตุต้องบวกต้นทุนบริษัทลูกใหม่เข้าไป  หวั่นสุดท้ายกอดคอกันตาย
        รายงานข่าวจากบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานและสหภาพรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที และกสทโทรคมนาคม(แคท) ออกโรงคัดค้านนโยบายของรัฐบาล และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ที่จะให้สองบริษัทสื่อสารร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน 2  บริษัทที่ประกอบด้วยบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ตจำกัด (NGDC) และบริษัท โครงข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด(NBN) ว่า ทั้งฝ่ายบริหารและพนักงานของทั้งสององค์กรต่างมีความเห็นตรงกันว่า ยังมองไม่เห็นอนาคตของบริษัทร่วมทุนที่ว่านี้ เนื่องจากไม่ได้แก้ไขปัญหาเรื่องการลดลงทุนซ้ำซ้อนและไม่มีความความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เพราะยังต้องปฏิบัติตามระเบียบรัฐวิสาหกิจเช่นเดิม จึงขอให้รัฐบาลทบทวน  
              ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะมีการโอนทรัพย์สินโครงข่ายจากบริษัทแม่ทีโอที และแคท ไปยังบริษัทลูกร่วมทุนที่ตั้งขึ้นทั้งโครงข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และโครงข่ายระหว่างประเทศ โดยหวังจะให้บริษัทร่วมทุนนำทรัพย์สินออกไปจัดหาประโยชน์ให้บริษัทสื่อสารเอกชนเช่าใช้  ทั้งที่ในข้อเท็จจริงทุกบริษัทสื่อสารต่างมีการลงทุนโครงข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์เหล่านี้กันเองหมดแล้ว สุดท้ายก็ไม่พ้นจะต้องเอาโครงข่ายบรอดแบนด์เหล่านี้กลับไปให้บริษัทแม่เช่าใช้ในราคาที่แพงกว่าให้บริการเอง เพราะมีต้นทุนแฝงจากบริษัทร่วมทุนบวกเข้ามา ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้ทั้งทีโอที และแคท ยากจะแข่งขันกับบริษัทเอกชนได้
                   นอกจากนี้การจัดตั้งบริษัทลูกร่วมทุนของ 2 รัฐวิสาหกิจที่ต้องมีการโอนย้ายพนักงานและฝ่ายบริหารจากบริษัทแม่เข้ามา โดนต้องสร้างแรงจูงใจพนักงานด้วยการจัดโครงสร้างอัตราเงินเดือนที่ต้องสูงกว่าบริษัทแม่ทีโอทีและแคทเดิมไม่ต่ำกว่า 15-20%นั้น จะยิ่งทำให้ต้นทุนของบริษัทลูกร่วมทุนทั้ง NGDC และ NBN สูงจนยากจะแข่งกับเอกชนได้                           “ขนาดของเดิมยังแข่งขันกับเอกชนได้อย่างบากลำบาก  หากในอนาคตทั้งทีโอทีและแคท ต้องกลับไปเช่าใช้โครงข่ายสื่อสารจากบริษัทลูกมาให้บริการ จะยิ่งทำให้หนทางที่จะไปแข่งกับเอกชนเป็นไปได้ยากมากขึ้น”  
                   แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าแผนฟื้นฟูกิจการทีโอที และแคทที่ล่าช้านั้นไม่ได้เกิดจากฝ่ายบริหารหรือพนักงานทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่เป็นเพราะความไม่ต่อเนื่องของบอร์ดและการไม่ตัดสินใจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)ที่ไม่เคาะแนวทางที่ทั้งสองหน่วยงานนำเสนอ
                “ตัวอย่างการทำแผนฟื้นฟูกิจการของแคทด้วยการนำทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานมาจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)หรือดีแทค เพื่อให้บริการเช่าเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคม แต่ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่ได้รับความเห็นชอบใดๆ จากกระทรวงดีอี  เช่นเดียวกันแนวทางการจัดหาพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัททีโอที ทั้งที่จะดำเนินการกับบริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวิร์กในเครือเอไอเอส ในการพัฒนาคลื่นความถี่ 2100 เมกกะเฮิร์ตซ์  และที่จะร่วมกับบริษัทดีแทค ไตรเน็ทในการพัฒนาคลื่นความถี่ 2300 MHz ซึ่งจะทำให้ทีโอทีมีรายได้จากการดำเนินงานรวมปีละกว่า 20,000 ล้านบาท และยังเป็นการดำเนินการที่กล่าวได้ว่า สอดคล้องแนวนโยบายพีพีพีของรัฐ แต่ก็ทำได้เพียงข้อตกลงชั่วคราวยังไม่ได้ลงนามในสัญญาแต่อย่างใด”
                ล่าสุดนี้รัฐบาลและกระทรวงการคลังยังเตรียมจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติหรือ “ซูเปอรโฮลดิ้ง” เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจทั้ง 11 แห่งในฐานะผู้ถือหุ้นโดยจะให้โอนสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจต่างๆ 11 แห่งเข้ามาอยู่ใต้ชายคา โดย 11 รัฐวิสาหกิจที่ต้องโอนหุ้นไปร่วมอยู่ด้วยก็มีทั้งบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) จึงยิ่งทำให้เกิดคำถาม แล้วบริษัทลูกร่วมทุน “ทีโอที-แคท”จะอยู่ตรงไหน ล่าสุดสองหน่วยงาน จึงมีการขึ้นป้ายประท้วงไม่เอาทั้งบริษัทลูกและบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ