ข่าว

รัฐจัดหนักอัดเงินตรงใส่มืออุ้มเกษตรกร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐอัดมาตรการอุ้มเกษตรกรเต็มสูบ โอนเงินผ่าน ธ.ก.ส.เข้ากระเป๋ารายละ 1,500-3,000 บาท คาดใช้งบ 6,540 ล้านบาท พร้อมลดหนี้-ดอกเบี้ยให้รายย่อยที่หนี้ไม่เกิน 3 แสนบาท


               นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย 2 มาตรการ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและราคาผลผลิตทางการเกษตรที่มีความผันผวนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมาตรการแรกเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้มีเงินเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต ส่วนอีกมาตรการเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยการลดภาระดอกเบี้ยและหนี้

               ทั้งนี้ เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับเงินตามมาตรการแรกมีเงื่อนไขต้องเป็นเกษตรกรที่ได้ร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินโอน 3,000 บาทต่อราย ครอบคลุมเกษตรกร 1.5 ล้านราย ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินโอน 1,500 บาทต่อราย ครอบคลุมเกษตรกร 1.3 ล้านราย ซึ่ง ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีให้เกษตรกรหลังจากที่มีการตรวจสอบข้อมูลแล้ว

               ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรโดยตรงตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย คาดว่าจะใช้งบประมาณ 6,540 ล้านบาท ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของเกษตรกร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรลูกค้ารายย่อยที่มีหนี้สินต้นเงินกู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท จำนวน 2,897,000 ราย หนี้สินรวมประมาณ 334,525 ล้านบาท ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 - 31 มีนาคม 2561 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการปลดหนี้สินให้เกษตรกรรายย่อยที่มีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง โดยนำเงินต้น 50% มาปรับโครงสร้างหนี้ 5 ปี พักชำระต้นเงิน 2 ปีแรก คิดดอกเบี้ยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอ็มอาร์อาร์ หรือเท่ากับ 7% หากผ่อนชำระได้ตามกำหนด ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100% และเงินต้นที่เหลืออีก 50% จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในภายหลัง เกษตรกรเป้าหมายประมาณ 85,000 ราย

               โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้สินให้เกษตรกรที่มีหนี้เป็นภาระหนัก หากเป็นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปีและมีทายาทเข้าเป็นลูกค้าแทน จะนำเงินต้น 50% มาปรับโครงสร้างหนี้ 5 ปี โดยพักชำระต้นเงิน 2 ปีแรก คิดดอกเบี้ย เอ็มอาร์อาร์ หากผ่อนชำระได้ตามกำหนด ลดดอกเบี้ยค้างให้ 80% และเงินต้นที่เหลืออีก 50% กรณีเกษตรกรที่มีหนี้เป็นภาระหนัก จะนำเงินต้น 50% มาปรับโครงสร้างหนี้ 5 ปี พักชำระต้นเงิน 2 ปีแรก คิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ หากผ่อนชำระได้ตามกำหนด ลดดอกเบี้ยค้างให้ 50% และเงินต้นที่เหลืออีก 50% คาดว่าจะมีเกษตรกรและทายาทได้รับการช่วยเหลือด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้ตามโครงการ 675,000 ราย ดอกเบี้ยที่ลดให้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. รับภาระเอง

               สำหรับโครงการชำระดีมีคืนแก่เกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ ธ.ก.ส. จะคืนดอกเบี้ยในส่วนที่ลูกค้าส่งชำระระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 - 31 ตุลาคม 2560 คิดเป็น 30% ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระ โดย ธ.ก.ส. จะนำดอกเบี้ยที่คืนให้ลูกค้ามาลดภาระหนี้โดยตัดเงินต้นให้ลูกค้าในกรณีที่มีหนี้คงเหลือ และคืนให้ลูกค้าเป็นเงินสดในกรณีที่ไม่มีหนี้คงเหลือ และให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนกรณีฉุกเฉินรายละไม่เกิน 100,000 บาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท เกษตรกรเป้าหมาย 2,222,000 ราย หนี้สิน 272,000 ล้านบาท

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ