เตือนทุนนอกป่วนค่าเงินผันผวนยาว

               นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินจะยังมีความผันผวนรุนแรงต่อไปจากกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งธปท.จะติดตามพัฒนาการค่าเงินบาทและเงินทุนไหลเข้าอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นความผิดปกติของเงินทุนไหลเข้า เป็นเพียงการเข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีเท่านั้น โดยเม็ดเงินที่ไหลเข้ามายังเป็นการเข้ามาลงทุนตามปกติในตลาดพันธบัตรรัฐบาล

               อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมองเห็นถึงการปรับตัวของนักธุรกิจและผู้ส่งออกจากภาวะความผันผวนของค่าเงินได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถรองรับความผันผวนได้ดีขึ้น และหันมาใช้วิธีบริหารความเสี่ยงจากค่าเงินมากขึ้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สถาบันการเงินต่างต้องการให้ลูกค้าปิดความเสี่ยงในส่วนนี้

               “การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนควรเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของผู้ประกอบการในการทำธุรกิจระหว่างประเทศในขณะนี้ เพราะค่าเงินยังมีโอกาสผันผวนได้อีกมาก และการผันผวนของค่าเงินส่วนใหญ่มักจะมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง” นายวิรไทกล่าว

               การแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้ยังเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับภูมิภาค และอัตราการแข็งค่าของเงินบาทตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4% นั้น ยังถือว่าแข็งค่าขึ้นน้อยกว่าค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ และบางช่วงอาจได้รับปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม คือ ผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2559 ของไทยที่ออกมาดี

               นายวิรไท กล่าวต่อว่า ความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่เกิดขึ้น ยังไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะมีฐานะด้านต่างประเทศที่เข้มแข็ง สะท้อนผ่านเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงกว่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์ และยังมียอดซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (ฟอร์เวิร์ธ) อีก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หนี้ต่างประเทศทั้งหมดมีเพียง 60% ของเงินสำรอง และระดับของเงินสำรองยังสูงกว่าหนี้ระยะสั้นถึง 3.3 เท่า นอกจากนี้ไทยยังมียอดเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงมาก

               อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่สูงเท่ากับที่หลายคนอยากเห็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่มาก ซึ่งเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวช้าและมีความเปราะบาง จะมีเพียงเศรษฐกิจสหรัฐที่ดูฟื้นตัวชัดเจนสุด แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีเรื่องที่ต้องจับตา คือ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งจีนอาจจะยังไม่ได้เริ่มทำจริงจัง แต่เมื่อไหร่ที่ทำก็อาจกระทบกับไทยได้เช่นกัน

               “เศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้ามีหลุมบ่อเยอะมาก เส้นทางเป็นถนนขรุขระ แต่ผู้โดยสารที่นั่งอาจไม่รู้สึกเวียนหัวเท่าไรนัก เพราะเรามีโช้คอัพดี ภาวการณ์ข้างนอกที่มากระทบเราเทียบกับคนอื่นเราอาจไม่รู้สึกอะไรมากนัก เพียงแต่ผู้โดยสารบางคนอาจรู้สึกขัดใจที่รถยนต์คันนี้วิ่งช้ากว่าที่เขาอยากเห็น” นายวิรไทกล่าว