ข่าว

'ทนาย' เพื่อนบ้าน 'ครอบครองปรปักษ์' แซะแรง ไม่ใช่ 'ทนาย' หิวแสง ตอบโต้ทุกปม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ทนาย' เพื่อนบ้าน 'ครอบครองปรปักษ์' แซะแรง ไม่ใช่ 'ทนาย' หิวแสง ยันผู้เสียชีวิตไม่ได้ 'กราบเท้า' พร้อมทั้งตอบโต้ทุกปม

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2567 ที่วัดบางเตย นายวัฒนา ทนายความฝ่ายร้องขอ ครอบครองปรปักษ์ บ้านอากู๋เหมทัศน์ เดินทางมาร่วมรดน้ำศพ น.ส.ภานุมาศ 1ใน5ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุก และก่อเหตุ ผูกคอเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา

 

โดยนายวัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า คดี ครอบครองปรปักษ์ ที่น.ส.ศรีพรรณ ยื่นฟ้องยังอยู่ที่ชั้นศาล ส่วนจะถอนฟ้องที่เจ้าตัวประสงค์จะถอนฟ้องขึ้นอยู่กับเขา ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิตอยากให้มีการถอนฟ้องนั้น ก็รู้สึกเห็นใจ เพราะเขาป่วย แต่บุคคลอื่นอาจคิดต่างกัน ตนคิดว่าน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้

ส่วนกรณีที่มีคนบอกว่า ทนาย ควรรับผิดชอบนั้น นายวัฒนา กล่าวว่า อยากให้กลับไปทบทวนตั้งสติว่า ตัวเองมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหรือไม่ ทุกสิ่งมีที่มาที่ไป เพราะคดีนี้เริ่มจากสื่อมวลชนมาทำข่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่สอบถามคู่กรณีฝั่งตรงข้าม เข้าใจว่าสื่อนำเสนอข้อเท็จจริง แต่ต้องนำเสนอที่ถูกต้องเป็นธรรม ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดนี้ ไม่อยากให้จับตัวเองไปชนกับใคร คนเราพูดให้ตัวเองดูดีใครๆ ก็พูดได้ แต่พูดให้คนอื่นดูร้าย คนดีเขาไม่ทำกัน

 

ทนายความ กล่าวต่อว่า ไม่ได้รู้สึกเครียด จะเครียดก็เรื่องที่สื่อมาตามทุกวัน เพราะต้องรักษามรรยาททนายความ เนื่องจากคดีอยู่ในชั้นศาล ไม่ได้เป็นทนายหิวแสงสติเฟื่อง

 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ทนายความ แนะนำให้สู้คดี จนเกิดเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุก นายวัฒนา ปฏิเสธว่า บ้านดังกล่าวไม่เคยมีการครอบครองมาก่อน และน.ส.ศรีพรรณ ไม่ได้สละสิทธิ์ ครอบครองปรปักษ์ เพราะมีสิทธิ์มาก่อนจะเกิดคดีอาญา แต่มีผู้นำกุญแจมาคล้องประตูไว้ และบังเอิญมีคดีอาญามาแทรกเสียก่อน ยืนยันว่าไม่ใช่การตอบโต้เรื่องดันทุรังสู้แม้ว่าจะแพ้คดี เป็นการประโคมข่าว พูดอยู่ฝ่ายเดียว ตนจะพยายามไม่พูดและไปสู้ในชั้นศาล

“อย่างไรก็ดี กรณีที่มีข่าวว่ามีคนขอให้ปลดทนายความถึงจะยอมเจรจานั้น หากเป็นความประสงค์ของลูกความต้องการเปลี่ยน ทนายความ ก็ยินดี เพราะไม่มีปัญหาอะไรกับลูกความ แต่มองว่าเป็นข้อต่อรองที่ผิดปกติ”นายวัฒนา กล่าว

 

สำหรับปมคลิปเสียงสนทนา ที่ น.ส.ภานุมาศ กราบเท้า ตนขอถอนคดีนั้น นายวัฒนา กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ต้องถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ