ข่าว

'โชเฟอร์รถตู้' โล่ง ตร.ยัน ด.ญ.13 ปี เปิดปากไม่เคยเกิดเหตุถูกขืนใจบนรถ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้การฯ จ.ขอนแก่น ยืนยัน เด็กหญิง 13 ปี ให้การ จนท. "โชเฟอร์รถตู้" ไม่ได้ก่อเหตขืนใจ สอดคล้องกับคำให้การของพยาน รอเด็กพร้อมให้สอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง

10 พ.ย. 2566  พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น  (ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น) พร้อมด้วย พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น) และ พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย ร่วมกันแถลงข่าวคืบหน้ากรณีนายเดช อายุ 50 ปี โชเฟอร์รถตู้ ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีล่วงละเมิดทางเพศ  ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ชาว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ขณะที่นั่งรถตู้คันดังกล่าวลงไปหาพ่อและแม่ในช่วงปิดภาคเรียน ที่ย่านบางกอกใหญ่  โดย ด.ญ.เอได้เล่าให้นางแตง (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี ผู้เป็นย่าฟัง ก่อนจะพาหลานสาวเข้าแจ้งความ เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ต.ค.2566 ผ่านมา

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แวงน้อย ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และตำรวจสืบสวนนครบาล ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำนายเดช โชเฟอร์รถตู้ , ครอบครัวของ ด.ญ.วัย 13 ปี , ผู้โดยสารผู้ที่ร่วมเดินทาง ในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งการเก็บพยานหลักฐานบนรถตู้คันที่เดินทางในวันเกิดเหตุ ก่อนที่จะเข้าสอบปากคำ ด.ญ.วัย 13 ปี โดยทีมสหวิชาชีพและตำรวจ

 

 

ตำรวจขอนแด่นยันเด็กหญิง 13 ปี ยอมรับไม่มีเหตุขืนใจบนรถตู้

 

 

กระทั่งล่าสุด เมื่อวานนี้ ( 9 พ.ย. 2566) ด.ญ.13 ปี ได้ให้ปากคำกับตำรวจและทีมสหวิชาชีพว่า ไม่มีเหตุการณ์การถูกกระทำชำเราเกิดขึ้นบนรถตู้ 


พล.ต.ต.อนุวัตร  เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้ร่วมกับตำรวจสืบสวนนครบาล ในการสืบสวนสอบสวน อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ได้รับแจ้งความ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในทางคดีหลักๆ คือในการสอบสวนพยานที่อยู่บนรถในระหว่างทางทุกคนจะขึ้นรถจากต้นทางหลายต้นทางทั้งจากอำเภอแวงน้อยจนไปสิ้นสุดในพื้นที่ของกรุงเทพฯ

 

โดยคนที่โดยสารไปด้วยคนสุดท้ายเป็นพยานที่ให้การว่า ด.ญ.เอ ไม่ได้ลงรถเป็นคนสุดท้ายเพราะยังมีผู้โดยสารอีก 1 คนที่อยู่ร่วมบนรถกับ ด.ญ.เอ และยืนยันว่า ด.ญ.เอ ได้ลงจากรถก่อนตนเอง ซึ่งผู้โดยสารที่เป็นพยานท่านนี้ได้ให้ปากคำกับตำรวจ สน.บางกอกใหญ่ ไว้ว่าระหว่างที่นั่งมาโดยตลอดเส้นทางไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติเกิดขึ้นบนรถตู้หรือมีการล่วงละเมิดทางเพศหรือสิ่งใดก็ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
 

 

 

ในส่วนของ ด.ญ.เอ ที่ได้มาแจ้งความพร้อมกับคุณย่า ในส่วนของ สภ.แวงน้อย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งตัวเด็กหญิงไปที่ รพ.แวงน้อย เพื่อตรวจทางการแพทย์ปรากฏว่า ปัจจุบันเด็กหญิงยังอยู่ในความดูแลของแพทย์เพื่อดูอาการของเด็กต่อ ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นมีความพยายามในการประสานกับทางโรงพยาบาลว่า เด็กสามารถให้การได้เมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อวานนี้ทางทีมแพทย์ได้อนุญาตให้เข้าสอบปากคำได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมสหวิชาชีพจึงได้เข้าทำการสอบปากคำ จนกระทั่งสามารถทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

 

 

 

ตำรวจขอนแด่นยันเด็กหญิง 13 ปี ยอมรับไม่มีเหตุขืนใจบนรถตู้

 

 

โดยเมื่อวานนี้ ด.ญ.เอ  สามารถให้การได้ว่าได้เดินทางจากอำเภอแวงน้อยไปเยี่ยมพ่อเขตบางกอกใหญ่โดยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งระหว่างการเดินทางก็ไม่มีเหตุการณ์ถูกประทุษร้ายหรือล่วงละเมิดทางเพศปรากฏตามที่เป็นข่าว

 

กรณีที่ญาติของ ด.ญ.เอให้ข้อมูลว่าเด็ก ถูกวางยาและถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งได้มีผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลแวงน้อย นั้น พล.ต.ต.อนุวัตร ระบุว่าได้มีการสอบถามทางแพทย์แล้วถึงการตรวจร่างกายว่า แพทย์ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่าการฉีกขาดของพรหมจรรย์เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแพทย์ไม่ได้ยืนยันว่าเกิดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

 

ทั้งนี้ ในการที่ทีมสหวิชาชีพเข้าไปสอบปากคำเด็กในหลาย ๆ ประเด็นได้พยายามค่อยๆ สอบถามเด็กเนื่องจากเกรงว่าจะไปกระทบจิตใจของเด็ก เมื่อไรที่เราสามารถสอบถามเด็กหรือสหวิชาชีพสามารถสอบถามเด็กได้อีก จึงจะมีการสอบถามเด็กในเรื่องนี้อีกครั้งว่าเกิดจากอะไรอย่างไรเพราะปัจจุบันเด็กยังไม่ได้ให้การในเรื่องนี้

 

ส่วนกรณีที่เด็กให้การว่าเรื่องราวนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เด็กได้บอกด้วยหรือไม่ว่าเหตุใดจึงได้บอกกับผู้เป็นย่าว่าตนเองถูกโชเฟอร์รถตู้ ข่มขืน พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวว่า เด็กยังไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นนี้เพียงแต่เล่าเรื่องว่าวันที่เดินทางจากต้นทางไปถึงปลายทางเด็กบอกว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น

 

ตำรวจขอนแด่นยันเด็กหญิง 13 ปี ยอมรับไม่มีเหตุขืนใจบนรถตู้

 

 

พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวอีกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดสถานะของนายเดชคนขับรถตู้ในเวลานี้ ต้องบอกว่าในเรื่องของการทำคดีที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นตำรวจยังไม่ได้มีการกล่าวหาใครหรือสงสัยใคร แต่ตำรวจได้พยายามพิสูจน์ในเรื่องของข้อมูลที่ได้รับมาจากการที่มีผู้มาแจ้งความกับทางตำรวจเท่านั้น ส่วนของคนขับรถตู้จะมีใครไปกล่าวถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ทางตำรวจก็ต้องขอบคุณผู้ถูกกล่าวหาที่ได้เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ โดยเดินทางมาพบตำรวจและให้ข้อมูลเพื่อช่วยในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ขณะที่ผลการตรวจสอบรถตู้โดยสารอย่างเป็นทางการผลยังไม่ออกซึ่งจะต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการขณะนี้ยังไม่มีผลการตรวจหรือร่องรอยอะไรออกมาทั้งสิ้น

 

ทั้งนี้กรณีดังกล่าว เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงทางตำรวจกำลังพยายามหาคำตอบอยู่ถ้าหากตนเป็นญาติของเด็ก ถ้าเด็กมาพูดในลักษณะอย่างนี้โดยที่มีพฤติการณ์ของเด็กหรืออาการต่างๆ ของเด็กเกี่ยวเนื่องด้วย ก็จะเชื่อและก็ต้องตกใจก็เป็นธรรมดา ในส่วนของตำรวจเองเราก็ต้องทำตามหน้าที่ในการพิสูจน์ความจริง ซึ่งขณะนี้เด็กยังคงอยู่ในการดูแลของแพทย์เมื่อไหร่ที่เด็กสามารถให้การได้มากกว่านี้เราก็จะรู้ความจริงมากขึ้น

 

ส่วนจะมีการแจ้งความในข้อหาแจ้งความเท็จหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีความผิดใดเกิดขึ้นในทางคดีก็ยังไม่เกิดขึ้นเรื่องใดก็ตามตอนนี้ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับตัวเด็กหญิงจะสามารถพูดคุยกับตำรวจได้มากน้อยขนาดไหนรวมทั้งพ่อแม่ของเด็กที่อาจจะมีข้อมูลข้อสงสัยมากกว่านี้หรือไม่ก็จะต้องมาว่ากันในขั้นตอนต่อไป 

 

ส่วนในประเด็นที่ว่าคนขับรถตู้ไปส่งช้ากว่าปกตินั้นจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้มีการตรวจสอบทางเทคนิคทราบว่าระบบ GPS รถได้เดินทางออกจากอำเภอแวงน้อยแล้วไปทยอยส่งผู้โดยสารในทุกๆจุด มีพยานหลักฐานที่ตรงกันว่าผู้โดยสารลงแต่ละจุดตรงกันจากคำให้การและและก่อนที่เด็กจะลงรถยังมีผู้โดยสารอยู่บนรถอีก 1 คน ที่เป็นพยานให้การในครั้งนี้ว่าไม่มีเหตุการณ์กระทำชำเราใดๆ เกิดขึ้นระหว่างทางจนถึงที่หมาย และรถที่นำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็เป็นรถคันเดียวกันในวันที่เดินทางซึ่งพยานที่อยู่บนรถทั้งหมดให้การตรงกันว่าเป็นรถคันนี้ซึ่งจำลักษณะและส่วนประกอบต่างๆภายในรถได้

 

 

 

กฤศเมธ โลโห  จ.ขอนแก่น 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ