แม่ 'นศ.เภสัช' ช็อก บริษัทยาผิวขาว ฟ้อง 50 ล้าน เจอ อาญา ซ้ำอีก

หลังจากเป็นประเด็น กรณี “นศ.เภสัช” ตรวจเจอสาร “เมทแอมเฟตามีน” ชนิดเดียวกับยาบ้า ในร่างกาย ทำให้แพทย์ไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ เพื่อนำไปประกอบการมอบตัวเข้าเรียน คณะเภสัชฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 ได้ ซึ่งครั้งนั้น นศ.เภสัช ได้ระบุว่า รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ประเภทยาผิวขาว ยี่ห้อหนึ่ง จนถูกฟ้องเรียกค่าเสียเสียหาย 50 ล้านบาท

ล่าสุด แม่ และครอบครัว นศ.เภสัช ต้องร้องสภาทนายความแห่งประเทศไทยอีกครั้ง หลังได้รับหมายศาล จ.บุรีรัมย์ ฉบับที่ 2 เป็นความอาญา ซึ่งทางสภาทนายความแห่งประเทศไทย ยื่นมือช่วยว่าความให้ เพราะหวั่นกระทบอนาคตเด็ก

น.ส.นันท์นภัส ไชยทะเศรษฐ มารดาของ “นศ.เภสัช” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวได้รับหมายศาล จ.บุรีรัมย์ ถูกบริษัทยาผิวขาว ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 50 ล้านบาท ตอนที่ได้รับหมายศาลครั้งแรกก็ตกใจแล้ว เพราะบริษัทเรียกค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ได้รับหมายศาลอีก 1 ฉบับ แต่ครั้งนี้เป็นความอาญา ฟ้อง “นศ.เภสัช” ลูกสาว เป็นจำเลยที่ 1 และ แม่ เป็นจำเลยที่ 2 ซึ่งในเอกสารระบุคำฟ้องแพ่ง และความอาญา ฟ้องในวันเดียวกัน แต่เอกสารส่งมาถึงบ้านคนละวันกัน

“ตกใจและเป็นกังวลมาก เพราะถือว่ารุนแรงเกินไปที่ครอบครัวเล็กๆ อย่างเราจะทานได้ ที่ผ่านมาการร้องสื่อเราไม่เคยเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ ไม่มีภาพผลิตภัณฑ์ปรากฏ สาเหตุที่ร้องสื่อ เพราะต้องการหาความชอบธรรมให้กับลูกสาว ที่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่เคยกินยาชนิดใดๆ มาก่อน” แม่ระบายให้ผู้สื่อข่าวฟัง

ด้าน นายพลกฤต เนาว์ประโคน ที่ปรึกษาสภาทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังทราบเรื่องราวมาก่อนหน้านี้ ได้รับการประสานมาจาก ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย ว่าจะข้ามาช่วยว่าความให้ เป็นกรณีพิเศษ  เพราะสภาทนายความ เห็นใจ “นศ.เภสัช” และครอบครัว และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็ก เบื้องต้นจะขอตรวจสอบเอกสารคำฟ้องก่อน เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเด็กต่อไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจาก น.ส.นันท์นภัส ไชยทะเศรษฐ  อายุ  45 ปี  ชาว อ.  ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่ออยากให้เป็นตัวกลางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว ยี่ห้อดัง หลังจาก น.ส.อามานา มุภาษา อายุ 19 ปี ลูกสาวของตัวเอง กินอาหารเสริมเข้าไปจำนวน 1 เม็ดตอนกลางคืน รุ่งเช้าวันที่ 26 พ.ค. 2566 เดินทางไปตรวจร่างกาย เพื่อต้องการเอาผลไปแนบประกอบในการมอบตัวเรียนคณะเภสัชฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันที่ 31 พ.ค. 2566 แต่ปรากฏว่าแพทย์พบสาร ”เมทแอมเฟตามีน” ในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับยาบ้า ทำให้แพทย์ไม่กล้าออกใบรับรองแพทย์ให้ได้

จากนั้น เจ้าหน้าที่นำตัวอย่างอาหารเสริมไปตรวจ ไม่พบว่ามีสาร ”เมทแอมเฟตามีน” รวมถึงผลการตรวจร่างกายของ “นศ.เภสัช” รอบที่สอง อย่างละเอียด ก็ไม่พบว่ามีสาร ”เมทแอมเฟตามีน” ในร่างกายแต่อย่างใด