ข่าว

ฟ้องสถานพยาบาลดัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สาวหลงเชื่อโฆษณา ฟ้องสถานพยาบาลดัง ศาลแพ่งนัดพร้อม 1 ก.ค. นี้

 

               17 เม.ย. 62 ที่ ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.00 น.  น.ส.คำหล้า อินดาวงศ์ อายุ 45 ปี ชาวลาว เจ้าของร้านนวดที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับความเสียหายจากการศัลยกรรมเชื่อว่าจะทำหน้าให้เด็กลง เดินทางมาพร้อมกับทนายความ ยื่นฟ้อง ผู้จัดทำโฆษณาโครงการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า , เจ้าของบัญชีรับโอนเงิน , สถานพยาบาลให้บริการเฉพาะทางด้านเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งย่านทาวน์อินทาวน์ และศัลยแพทย์ เป็นจำเลย ต่อแผนกคดีผู้บริโภค ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทน 6,885,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2559

 

 

 

               โดยกรณีสืบเนื่องจาก โจทก์ได้ดูโฆษณาผ่าน YouTube และเว็บไซต์ของจำเลยที่ 1 ที่เรียกตัวเองว่าดอกเตอร์ แสดงให้เห็นถึงโครงการผ่าตัดศัลยกรรม เมื่อเดือน ต.ค. 60 แล้วหลงเชื่อคำโฆษณาที่ว่าผ่าตัดดึงหน้า ไร้รอยแผลเป็น ไม่เจ็บ หน้าจะเด็กอายุลง 44 ปี จะเหลือ 20 ปี โดยโจทก์ให้ญาติได้ติดต่อกับจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่แพทย์ แต่ขณะนั้นโจทก์เข้าใจว่าเป็นแพทย์ เพราะจำเลยที่ 1 เรียกตัวเองว่าดอกเตอร์ ที่ได้ติดต่อกันผ่านทางไลน์เพื่อจองคิวเข้าร่วมโครงการ โดยมีการโอนเงินค่าจองคิวเข้าร่วมโครงการจำนวน 50,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารของจำเลยที่ 2 และเมื่อพบกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 60 ก็ได้จ่ายเงินในส่วนของโจทก์ จำนวน 245,000 บาท ให้ไป กับจ่ายในส่วนของเพื่อนอีก 2 คน รวม 90,000 บาท

               ขณะที่เมื่อไปสถานพยาบาลก่อนการผ่าตัด ศัลยแพทย์ จำเลยที่ 4 และเจ้าหน้าที่กลับแจ้งว่าจะดึงหน้าเพียง 3 จุด เท่านั้น ซึ่งเดิมตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าจะดึงหน้า 3 จุด กับดึงหนังที่ห้อยบริเวณคางและคอ ค่าผ่าตัดรวม 295,000 บาท แต่เมื่อโจทก์แจ้งว่าจะไม่เข้ารับการผ่าตัดแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ สถานพยาบาลศัลยกรรมไม่ยอมคืนเงินและพูดจาไม่ดีใส่โจทก์ โจทก์จึงต้องจำยอมนำเงิน 90,000 บาท ส่วนที่จ่ายให้กับเพื่อน 2 คน มาจ่ายเป็นค่าศัลยกรรมแทน เป็นเงินรวม 385,000 บาท โจทก์ยังต้องจำยอมถ่ายคลิปโฆษณาชื่อว่า "สาวเวียงจันทร์ ย้อนวัยสาว บอกลาริ้วรอย" โดยเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 60 จำเลยที่ 4 ได้ออกใบรับรองแพทย์ให้โจทก์เดินทางกลับประเทศเยอรมนีได้ แต่หลังจากผ่าตัด ปรากฏว่า ได้เกิดรอยแผลเป็นนูน มีอาการเจ็บแสบคันและร้อน , เป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ , วิงเวียนศีรษะบ่อย กับตาพร่ามัว ซึ่งปัจจุบันโจทก์หน้าตาเสียหาย อับอายผู้คน ทำงานแบบไม่มีความสุข ต้องใช้ผมปิดบาดแผล

 

 

 

               โจทก์จึงได้นำคดีมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิด และค่าเดินทางดำเนินคดี , ค่าเสียอิสรภาพและโดนบังคับให้ถ่ายคลิปเพื่อนำไปใช้และโฆษณาเท็จหลอกลวงผู้เสียหายอื่น , ค่าขาดรายได้ในชีวิตประจำวันในการประกอบธุรกิจที่ประเทศเยอรมนี รวมเป็นเงิน 6,885,000 บาท และโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 4 จ่ายค่าเสียหายเพื่อเป็นการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดให้อัตราขั้นสูงสุดตามกฎหมายด้วย เนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้ง 4 นั้นเป็นการประกอบธุรกิจแสวงหากำไรผ่านการกระทำโดยเจตนาอย่างร้าย โฆษณาเท็จหลอกลวงโจทก์และประชาชน เอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรม จงใจให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ศาลแพ่ง ประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ผบ.1570/2562 และกำหนดนัดพร้อมคู่ความวันที่ 1 ก.ค. นี้ เวลา 13.30 น.

               "นางคำหล้า อินดาวงศ์" อายุ 45 ปี ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมดึงใบหน้า กล่าวว่า เห็นโฆษณาการทำศัลยกรรมดึงใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัยผ่านทาง facebook และ YouTube จึงตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย เพื่อทำการผ่าตัดดึงใบหน้า โดยก่อนหน้านั้นมีการติดต่อผ่านทาง Line โดยวางเงินจองคิวเป็นค่ามัดจำ จำนวน 50,000 บาท หลังการผ่าตัดปรากฏว่าเกิดแผลเป็นในลักษณะเป็นคีลอยด์ที่ขมับซ้ายและขวายาวขึ้นไปบนศีรษะประมาณ 7 ซม. และแผลเป็นลักษณะเป็นคีลอยด์จากการผ่าตัดที่ด้านหลังหูทั้งซ้ายและขวายาวข้างละ 6 ซม. ซึ่งไม่ตรงกับข้อความที่โฆษณา เพราะในโฆษณามีการระบุว่าไร้รอยแผลเป็น ด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติจึงไม่รู้ว่าจะต้องร้องเรียนใคร ทั้งๆ ที่เจ็บใจแล้วก็เจ็บตัวและต้องสูญเสียเงินจากการผ่าตัดดึงหน้า เป็นเงิน 385,000 บาท กลับไม่ได้ผลตามที่ต้องการ ก่อนจะปรึกษากับทนายความตัดสินใจฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภค

 

 

 

               "นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน" ทนายความฝ่ายผู้เสียหาย กล่าวว่า ปัญหาการศัลยกรรมขณะนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในกลุ่มผู้เสียหายชาวไทย แต่มีชาวต่างชาติได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ในฐานะทนายความคนไทยก็พร้อมที่จะช่วยเหลือและกู้ศักดิ์ศรีของคำว่าแพทย์คืนมา หลายคดีเกี่ยวกับศัลยกรรมเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังมีการให้บริการศัลยกรรมเรื่อยมาโดยตลอด ปัจจุบันยังมีการโฆษณาที่เป็นเท็จหลอกลวงอยู่ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ อาจจะมีการรับเรื่องหรือดำเนินการอยู่ แต่ขณะที่ผู้เสียหายไม่สามารถรอได้ หรือจะต้องให้เกิดคดีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ปัญหาอยู่ที่ว่าจะหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายเหล่านี้ได้อย่างไร ขณะนี้ยังมีผู้เสียหายทยอยเข้ามาเรียกร้องขอความช่วยเหลือทางคดีเรื่อยๆ ตนเรียกร้องให้ สคบ. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) รวมถึงแพทยสภา เข้ามาดูแลผู้เสียหาย สำหรับคดีนี้ ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคและจะมีการยื่นฟ้องเพิ่มอีก โดยจะขอให้ศาลพิจารณาคดีแบบกลุ่มต่อไป สำหรับผู้เสียหายรายอื่นสามารถติดต่อตนได้ที่ 087-553-2415

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ