ข่าว

รวบหนุ่มใหญ่ชาวตุรกี พัวพันคดียาเสพติด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" รวบหนุ่มใหญ่ชาวตุรกี พัวพันคดียาเสพติด พบประวัติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย 10 ครั้ง

 

          เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) พร้อมคณะ เดินทางมาสอบปากคำนายมุสตาฟา ยึลมาซ(MR.MUSTAFA YILMAZX) อายุ 46  สัญชาติตุรกี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ทางการตุรกีต้องการตัว ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย  ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 ได้รับหนังสือจากสำนักอัยการสูงสุด ประสานมายังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า ทางการตุรกีขอให้ทางการไทยส่งตัวนายมุสตาฟา

 

รวบหนุ่มใหญ่ชาวตุรกี พัวพันคดียาเสพติด

 

          จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายมุสตาฟา หลบหนีและพักอาศัยอยู่ที่บนเกาะช้าง จังหวัดตราด จึงได้ควบคุมตัวมาที่สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อผลักดันกลับประเทศต้นทางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งนายมุสตาฟา สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตามสิทธิและศาลเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งกลับประเทศต้นทางหรือไม่  

 

รวบหนุ่มใหญ่ชาวตุรกี พัวพันคดียาเสพติด

 

           ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่พบว่านายมุสตาฟาเข้ามากระทำผิดในประเทศไทย ขณะที่ประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2018 เดินทางเข้าออกรวมจำนวน 10 ครั้ง โดยยื่นวีซ่าประเภทอุปการะครอบครัว เยี่ยมบุตร ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ จังหวัดตราด แต่ความจริงแล้วนายมุสตาฟายังไม่มีบุตร นอกจากนี้ยังมีการแจ้งที่พักไม่ตรงกับที่พักจริงด้วย จึงต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเข้ามาถูกต้องหรือไม่ และใครอนุมัติให้เข้ามา หากตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดเอื้ออำนวย หรือปล่อยให้ผู้ต้องหาเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาฐานปล่อยปละละเลย       

 

รวบหนุ่มใหญ่ชาวตุรกี พัวพันคดียาเสพติด

 

          สำหรับการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งปรับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเลขาศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ดังนั้นหมายจับทั่วโลกจะมาขึ้นอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งขณะนี้มีอยู่กว่า 30 หมาย เจ้าหน้าที่จะเร่งปราบปรามดำเนินการส่งตัวกลับประเทศต้นทาง ทั้งนี้ในปีนี้ทางการไทยสามารถจับกุมผู้ร้ายข้ามแดนแล้วได้กว่า 80 ราย และได้ดำเนินการส่งตัวกลับประเทศต้นทางแล้ว.

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ