รวบ ! เนปาล-ไทยปล้นทรัพย์-บังคับโอนเงิน

 

             22 ตุลาคม 2561 จากกรณีมีคนร้ายร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายชาวเนปาลในเขตพื้นที่ สน.ประเวศ แล้วหลบหนีไป โดยผู้เสียหายจำนวน 3 ราย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ประเวศ  

 

             โดยเมื่อวันที่ 20 ต.ค.61 เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณภายในห้องเลขที่ 234/489 ชั้น 16 ตึกฟอจูน อาพาร์เม้น แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ขณะที่ผู้เสียหายนอนพักอาศัยอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ​ได้มี Mr.BIKASH GHALE สัญชาติเนปาล​ ซึ่งรู้จักกับผู้เสียหาย ร่วมกับชายไม่ทราบชื่ออีกจำนวน​ 3​ คน มีสัญชาติเนปาล 1 ราย และชาวไทย 2 ราย ได้เข้ามาภายในห้องที่เกิดเหตุ โดยมีอาวุธปืนและมีด ซึ่งเป็นห้องพักผู้เสียหาย แล้วทำการบังคับให้ผู้เสียหายไม่ให้ขัดขืนและได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย

 

             คนร้ายได้รื้อค้นทรัพย์สินภายในห้องและกระเป๋าเก็บเสื้อผ้า แล้วเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปอีกทั้งได้บังคับให้ผู้เสียหายทำการโอนเงินทางโทรศัพท์ผ่านระบบเคแบงก์กิ้ง ให้แก่ Mr. BIKASH GHALE สัญชาติ เนปาล จำนวน 150,000 บาท เมื่อโอนเงินเสร็จแล้วคนร้ายได้เอาสร้อยคอทองคำ รวมทั้งเงินสดดอลลาร์ซึ่งเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้เสียหายและโทรศัพท์เครื่องที่ใช้โอนเงินหลบหนีไป เบื้องต้นพบว่ามีทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายไปหลายรายการ มูลค่าประมาณเกือบ 400,000 บาท นั้น

 

 

             พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วยพ.ต.ท.ปิยะกรณ์ ศรีวันทา รองผกก.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง สว.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ต.จิรัสย์ หมื่นสิน สว.สส.สน.ประเวศ พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ ร่วมกันจับกุมตัวนายบิกัส ยาเล (Mr.Bilcash Ghale) อายุ 28 ปี สัญชาติเนปาล นายลิลาราม กาติมา (Mr. Lilaram Ghartimagar) อายุ 31 ปี สัญชาติเนปาล นายพุทธินันท์ ดีโนนอด อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 หมู่ที่ 15 ต.ชีลอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ และนายเทิดศักดิ์ แก้วศรี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 22 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ผู้ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.498-601/2561 ลงวันที่ 22 ต.ค. 61

 

           พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ซัมซุง รุ่น เจ 7 จำนวน 1 เครื่อง หนังสือเดินทางประเทศเนปาล ของผู้เสียหาย จำนวน 3 เล่ม เอกสารเกี่ยวกับบริษัทอสิรบาดไทย จำกัด ในข้อหา “ปล้นทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธปืน และอาวุธมีด, ร่วมกัน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ไดรับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืน ไปในเมืองฯ ” โดยจับกุมได้ที่สน.ประเวศ ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ทั้งนี้เหตุเกิดที่ห้องเลขที่ 234/489 ชั้น 16 ตึกฟอร์จูนอพาร์ทเมนต์ ซ.พัฒนาการ 76 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 23.00 น.

 

 

             สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ต.ค. เวลา 03.35 น. นายราเจนดรา คาดกา ( Mr.Rajendra Khada) ผู้เสียหาย กับพวกรวม 3 คน เข้ามาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 ต.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. ได้ถูกนายบิกัส ยาเล (Mr.Bilcash Ghale) กับพวกรวม 4 คน ปล้นทรัพย์สินของผู้เสียหาย ได้ทรัพย์สิน เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น เงินดอลล่าร์ สหรัฐอเมริกา จำนวน 5,000 ดอลล่าร์ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ซัมซุง เจ 7 จำนวน 1 เครื่อง และหนังสือเดินทางประเทศเนปาล ของผู้เสียหาย จำนวน 3 เล่ม และเอกสารเกี่ยวกับบริษัทอสิรบาดไทย จำกัด โดยเหตุเกิดที่ห้องเลขที่ 234/489 ชั้น 16 ตึกฟอร์จูน อพาร์ทเมนต์ ซ.พัฒนาการ 76 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ จากนั้นได้พากันหลบหนีไป

 

            ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ประเวศ ได้สืบสวนติดตามมาตลอด จนทราบว่านายบิกัสหลบหนีมาอยู่ที่ห้องเลขที่ 113 รีเจ้นอพาร์ท เมนต์ ซ.สุขุมวิท 81 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ และนายลิลาราม ได้หลบหนีไปอยู่ที่ร้านอาหารดราก้อน เอ็กเพรส ซ.สุขุมวิท20 แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ประเวศได้ไปเชิญตัวนายบิกัสและนายลิลารามเข้ามาที่ สน.ประเวศ เพื่อซักถามรายละเอียด จากนั้นได้ให้นายบิกัสประสานให้นายพุทธินันท์ และนายเทิดศักดิ์ เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ที่สน.ประเวศ จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายมาดูตัว ซึ่งผู้เสียหายได้ชี้ยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เป็นคนร้ายชายตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร่วมกันก่อเหตุ ปล้นทรัพย์ฯ ของผู้เสียหายไปจริง

 

 

             ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.598 , 599 , 600 และ601/2561 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2561 มาแสดงให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ดู ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับในคดีนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ และได้จับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวนสน.ประเวศ เพื่อดำเนินคดี ทั้งนี้ในวันพุธที่ 24 ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่เตรียมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป