ข่าว

ผบ.ตร.สั่งเช็กทุกมิติวางยา-ข่มขืนบนเกาะเต่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จักรทิพย์" สั่งเช็กปมสื่อเมืองผู้ดีตีข่าว นทท.สาวอังกฤษ ถูกวางยา - ข่มขืนบนเกาะเต่า อ้าง ตร. ไม่รับแจ้งความ - พยายามปิดข่าวให้เงียบ

               27 ส.ค. 61  ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสื่ออังกฤษนำเสนอข่าว สาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกวางยาและข่มขืน ที่ หาดทรายรี บนเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความคดีข่มขืน รับแจ้งเพียงคดีทรัพย์สินสูญหาย พร้อมขอร้องให้ตำรวจดูกล้องวงจรปิดที่บาร์ แต่ตำรวจอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย และพยายามปิดข่าวนี้ให้เงียบ จึงนำเรื่องทั้งหมดไปแจ้งตำรวจอังกฤษ ว่า

 

 

 

               ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และจะทราบผลภายใน 7 วัน โดยวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.) จะส่ง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พฐ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบ ก็อาจจะมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาด้วย

               “ทุกอย่างจะกระจ่าง ผมไม่ให้อึมครึมอยู่แล้ว ถ้าตำรวจผิดผมก็ฟันอยู่แล้ว แต่ถ้าคนแจ้งคลุมเครือค่อยว่ากัน ใจเย็นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งเป็นชาวต่างชาติด้วย ส่วนจะต้องประสานงานไปยังผู้เสียหายชาวอังกฤษ มาให้ปากคำกับทางตำรวจหรือไม่นั้น ไม่ต้องห่วง เราทำทุกมิติอยู่แล้ว มีระบบ มีขั้นตอนอยู่แล้ว” ผบ.ตร. กล่าว

               ส่วนกรณีที่มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มในเกาะเต่า มีลักษณะมาแจ้งความเพื่อเคลมประกันของหาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ในส่วนนี้มีข้อสังเกตอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่ท่านรู้ ตำรวจก็รู้ สิ่งที่ท่านได้ข่าวมา พวกเราเช็กหมด เราเช็กทุกมิติ ไม่ต้องห่วง หลังจากนี้จะต้องสร้างการรับรู้ว่า อะไรจริง อะไรเท็จ แต่ตอนนี้ตนเองได้เร่งและกำชับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าโรงพักในเกาะเต่า ไม่รับแจ้งความคดีอื่น นอกจากคดีทรัพย์สินสูญหาย ในส่วนนี้ตำรวจก็ฟังไว้ เรื่องการให้บริการประชาชน ตำรวจทำอยู่แล้ว ตอนนี้ได้สั่งการไปในระดับผู้บังคับการจังหวัด หากโรงพักไหนไม่รับแจ้งความ จะต้องโดนดำเนินการทางปกครอง

               ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีเพจในเฟซบุ๊ก ที่มีความพยายามประโคมข่าวนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการอย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบ หากเข้าข้อกฎหมาย ก็คงจะต้องดำเนินการ เพราะเรื่องของกฎหมายไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อย่าทำตัวเป็นพวกนักเลงคีย์บอร์ด กดไปเรื่อย สร้างความเสียหายไปเรื่อย

 

 

               พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร ว่า เรื่องนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวภายใน 3 เดือน ทุกฝ่ายกำลังเร่งแก้ปัญหาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน

               ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่เห็นผล ผบ.ตร. ระบุว่า การแก้ไขปัญหาจราจรอาจจะไม่เห็นผลภายใน 1 - 2 วันนี้ จะสามารถบอกได้หรือไม่ว่าวันนี้ฝนจะตกหรือไม่ตก คำถามแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ถามว่าเรามีความพยายามไหม รัฐบาลมีความพยายามหรือไม่ ดีกว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจจราจรได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรื้อเกาะกลางถนนที่ไม่มีความจำเป็นออก เพิ่มเลนถนนให้มากขึ้น เราดูแล้วว่ากายภาพในกรุงเทพมหานคร มีอุปสรรค มีปัญหาส่วนไหนบ้าง เช่น การก่อสร้างต่างๆ ก็เป็นอุปสรรคในการทำงาน เราก็เห็นใจพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ถนนเรามีเท่านี้ ตอนนี้ก็มีทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่รถก็ยังติดอยู่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็ลงมาดูปัญหานี้ด้วยตนเองที่ บก.จร.02 ตนเองก็ทำเต็มที่แล้ว เวลามีปัญหาอะไรก็จะนำมาถกในที่ประชุม และหาทางแก้ไขมาโดยตลอด

               ส่วนกรณีที่มีผู้ทำหนังสือร้องเรียนตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2561 ให้ตรวจสอบการขุดเจาะดินและบรรทุกขนดินที่ได้จากการขุดสร้างอุโมงค์ทางลอดและรถไฟฟ้าบริเวณแยกรัชโยธินถนนรัชดาภิเษก และขนดินที่ได้จากการขุดเจาะไปเทไว้ในที่ดินเอกชนหลายแห่ง แทนที่จะไปไว้ในพื้นที่ของราชการนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุว่า ใครลักดิน ใครเสียหาย ก็ไปแจ้งความได้ ตอนนี้ตนเองก็พอทราบข่าวอยู่บ้าง

               พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงกรณีมีการลักลอบนำเข้ากระเป๋าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ผ่านเข้ามายังด่านศุลกากร ในสนามบินต่างๆ จำนวนมาก ว่า ตนได้มีการสั่งการไปยัง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) แล้ว ตนเองไม่จำเป็นต้องมาประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมอีก เป็นหน้าที่ของหลายๆ หน่วยงานที่อยู่ในสนามบิน แต่ตนเองไม่ขอเอ่ยชื่อหน่วยงาน เป็นเรื่องของความรับผิดชอบของหน่วยนั้น

               "หากนำสินค้าเข้ามาภายในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด มีความผิดอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการเข้มข้นในส่วนนี้ ส่วนกรณีที่มีการเลือกสุ่มตรวจนั้น เชื่อว่าทุกประเทศก็ทำแบบนี้ มีการสุ่มตรวจเหมือนกัน ไม่ใช่ประเทศไทยอย่างเดียว" ผบ.ตร. กล่าว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ