ข่าว

คุม 8 ผู้ต้องหา "เงินทอนวัด" ฝากขัง-ค้านประกัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร. คุมตัวผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด 8 ราย ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ค้านประกัน ทนายความเตรียมประสาน 8 เจ้าอาวาสพระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับเงินอุดหนุนเป็นพยานชั้นศาล

 

               2 ส.ค. 61  เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)  พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. ได้เบิกตัวผู้ต้องหาคดีทุจริตงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หรือ คดีเงินทอนวัด 8 ราย ประกอบด้วย นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. , นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.พศ. จ.อ่างทอง , นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีต พศ. จ.นครปฐม , นายบุญเลิศ โสภา ผอ.พศ. จ.ลำปาง , นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรอง ผอ.พศ. , นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร ผอ.กลุ่มระบบพัฒนาระบบบริหาร พศ. , นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.พศ. จ.สิงห์บุรี และนายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบรูณะพัฒนาวัด พศ. เพื่อเตรียมควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฝากขัง

 

 

 

               ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากตำรวจ บก.ปปป. ได้สอบสวนขยายผลคดีทุจริตงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หรือ คดีเงินทอนวัด เป็นลอตที่ 3 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้จับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่และบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วโดยมีบางรายที่ยังคงหลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ กระทั่งสามารถขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา 11 ราย จากนั้น เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา กำลังตำรวจ บก.ป. พร้อมหมายศาล ได้เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา 8 รายดังกล่าว ก่อนจะคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป. ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

               อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังคงมีผู้ต้องหา 3 ราย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ได้แก่ น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. ที่พบข้อมูลว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว , นายเจษฎา วงศ์เฆม นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีเพียงกระแสข่าวว่าหลบหนีอยู่พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวมาดำเนินคดี และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. ผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกรณีเงินทอนวัดทั้งหมด ที่พบว่าหลบหนีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างประสานเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย

 

 

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างการควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แยกขังผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย เป็น 2 กลุ่มๆ ละ 4 คน โดยกลุ่มแรกควบคุมตัวที่ห้องขังของ บก.ป. ส่วนอีกกลุ่มแยกไปควบคุมตัวที่ห้องขัง สน.พหลโยธิน เนื่องจากห้องขังมีพื้นที่จำกัด

               นายณพล ใบเงิน อายุ 45 ปี ทนายความของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า คดีนี้ลูกความตนยืนยันความบริสุทธิ์โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและพร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนั้น ในวันเดียวกันนี้ ญาติของผู้ต้องหาทั้งหมด ได้เตรียมหลักทรัพย์และเงินสด เพื่อใช้เป็นหลักประกันต่อศาลไว้แล้ว จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือไม่

               นายณพล กล่าวถึงผู้ต้องหาอีกราย คือ น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. ซึ่งยังไม่ถูกควบคุมตัวว่า ยังสามารถติดต่อทนายความของ น.ส.ประนอม ได้อยู่ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับ น.ส.ประนอม โดยตรง อย่างไรก็ดี สำหรับคดีเงินทอนวัดนั้น ตนอยากตั้งข้อสังเกตทางคดีว่า เหตุใด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. จึงเลือกแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดเพียงบางแห่งเท่านั้น ทั้งที่ในเอกสารของบประมาณสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม มีวัดที่ยื่นของบประมาณและได้รับการอนุมัติ 8 วัด ในเอกสารชุดเดียวกัน ขณะนี้ทีมทนายความอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารเพื่อที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการกับ ผอ.พศ. รายนี้ ในฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่ ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีในชั้นศาลนั้นทางทีมทนายจะนิมนต์เจ้าอาวาสทั้ง 8 แห่ง ที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนมาเป็นพยานในชั้นศาล โดยเจ้าอาวาสทั้ง 8 วัด เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด

               ต่อมาเวลา 10.45 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ขึ้นรถตู้ บก.ป. เพื่อไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฝากขัง โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งมีรถวิทยุสายตรวจ กก.ปพ.บก.ป. นำขบวน และกำลังตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตลอดเส้นทาง

               ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากข้าราชการที่กระทำความผิดชัดเจนจนนำมาสู่การออกหมายจับแล้ว ในลอตนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ยังเตรียมออกหมายจับพระสงฆ์ที่ร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก 1 - 2 รูป แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ส่วนการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตเงินทอนวัดลอต 3 ที่มีการจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ไปแล้วนั้น

               ล่าสุด ในส่วนของวัดหลักนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำครบถ้วนแล้ว คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้ ขณะที่การทุจริตเงินทอนวัดในลอตที่ 4 ยังไม่ได้รับการร้องทุกข์จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

               รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การดำเนินคดีกับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 6 ราย ในคดีทุจริตเงินทอนวัด ที่จะครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย ครั้งที่ 7 ประมาณกลางเดือนสิงหาคม นี้ ในส่วนของสำนวนการสอบสวน ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีการประชุมหารือเพื่อสรุปสำนวนมีความเห็นไว้เรียบร้อยแล้ว และจะทยอยส่งสำนวนให้อัยการคดีทุจริตมีความเห็นได้ก่อนครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย โดยจะทยอยนำสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

               สำหรับอดีตพระเถระ 6 ราย ที่ถูกจับกุมในคดีเงินทอนวัด ประกอบด้วย อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา , อดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา , อดีตพระศรีคุณาภรณ์ , อดีตพระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี , อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ภายหลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัว ทำให้ทั้ง 6 ต้องถูกจับสึก และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา

               ขณะที่ อดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และยังคงทำเรื่องขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ