ชรบ.ตั้งด่านไม่ใช่ ตร. รู้ตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุแล้ว รับว่าดื่ม แต่อ้างไม่เมา เข้าใจว่าแหกด่าน ใช้อาวุธจนเกิดการสูญเสีย ผบช.ภ.5 ยันดำเนินการตาม ก.ม.
3 ม.ค. 61 ความคืบหน้ากรณี นายศรชัย สถิตย์ดำรงค์ อายุ 35 ปี ชาว จ.เชียงราย ได้ขับรถยนต์เก๋ง นิสสัน ทะเบียน 2 กอ 2137 กรุงเทพฯ ไปกับแฟนสาว อายุ 28 ปี ผ่านบริเวณจุดบริการประชาชน บ้านแม่ต๋ำ ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้มีกระสุนปริศนายิงใส่บริเวณด้านหลังรถ ส่งผลให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง และกระสุนถูกศีรษะนายศรชัยเสียชีวิตคาที่ โดยทางญาติได้มีการโพสต์ข้อความไปยังสื่อสาธารณะพร้อมภาพประกอบ มีเนื้อหาขอความเป็นธรรม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคืนเกิดเหตุผู้ที่ประจำอยู่ด่านชุมชนแม่ต๋ำดังกล่าวมีจำนวน 19 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครตำรวจบ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน จิตอาสา
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ที่ ห้องประชุม สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสบโชคชัย รอง ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.วิชาญ ชูฤทธิ์ ผกก.สภ.สภ.แม่สรวย พ.ต.ต.กฤตนัน เวียงคำ สารวัตรเจ้าของคดี ได้ร่วมกันประชุมเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยระหว่างนั้นแฟนสาวพร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่งได้นำศพของนายศรชัยในโลงศพบรรทุกรถยนต์กระบะเดินทางไปยังบริเวณลานจอดรถของ สภ.แม่สรวย โดยแฟนสาวถือภาพถ่ายของนายศรชัยไปด้วย พร้อมแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า มาขอความเป็นธรรม จะไม่ยอมฌาปนกิจศพ หากว่าไม่ได้รับคำตอบถึงการเสียชีวิตของนายศรชัย
ต่อมาทางตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรเชียงราย ทำการเก็บหลักฐานและตรวจหาหลักฐานอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พรอมทั้งหาวิถีกระสุนจากรถที่ประสบเหตุ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน โดยการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบปลอกหรือหัวกระสุนอาวุธปืนที่ระบุชนิดได้ แต่จากร่องรอยและสะเก็ดของกระสุนปืน น่าจะเป็นอาวุธปืนลูกซอง
พล.ต.ท.พลูทรัพย์ ได้เชิญตัวแฟนสาวผู้เสียชีวิตพร้อมด้วยทนายความและญาติอีกจำนวนหนึ่งไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหามูลเหตุและข้อเท็จจริงทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ โดยเฉพาะมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งทางผู้เสียหายยังคงยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งกับใคร และขับขี่มาตามปกติ โดยที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านไม่ได้มีการเรียกให้หยุดรถเพื่อเรียกตรวจแต่อย่างใด
จนกระทั่งเวลา 17.30 น. ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้เชิญกำนันตำบลแม่สรวย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) ตำรวจและทหารที่ประจำจุดตรวจและเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุจำนวนกว่า 10 คน มาทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พอทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งให้ทางกำนันและผู้ใหญ่บ้านไปนำอาวุธปืนของชุดที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุมาตรวจสอบประกอบคำให้การอีกครั้งหนึ่ง
และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องที่ติดหน้ารถผู้เสียชีวิต พบว่า ในระหว่างเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ขับรถผ่านด่านตามปกติ โดยผ่านด่านตรวจมายังจุดเกิดเหตุตามที่ให้การจริง โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ซึ่งแต่งกายคล้ายอาสาสมัคร และชุด ชรบ. ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ด่านประมาณ 3 - 4 คน มีการใช้มือและไฟฉายโบก แต่ดูไม่ออกชัดเจนว่าเป็นเรียกตรวจ หรือโบกให้ชะลอ โดยที่รถผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้ชะลอหรือเร่งความเร็วขับขี่ผ่านด่านตรวจไป จากนั้นก็มีเสียงคล้ายเสียงผู้ชายร้องครวญคราง ก่อนรถไถลไปข้างทางชนกับเสาไฟฟ้า มีเสียงผู้หวีดร้องแล้วภาพก็ดับไป
พล.ต.ท.พลูทรัพย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังการสอบปากคำว่า พอเริ่มจะเห็นแล้วว่าเรื่องเกิดจากอะไร มีคนรับแล้วว่ามีการยิงปืนบ้าง แต่ยังไม่ยอมรับตรงๆ บ้างก็ว่ายิงขู่ บ้างก็ว่ายิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งทางตำรวจจะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมัดตัวผู้ที่ก่อเหตุ ซึ่งได้ให้ทางตำรวจกักตัวผู้ที่มีอาวุธปืนขณะปฏิบัติหน้าที่ และให้กลับไปเอาปืนมามอบให้กับตำรวจ เพื่อนำมาตรวจสอบ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะจุดตรวจดังกล่าวเป็นด่านตรวจของชุมชน เป็นด่านตรวจของฝ่ายปกครอง ไม่ได้เป็นด่านตรวจหลักของตำรวจ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาวุธปืนที่เรียกมาสอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
พล.ต.ท.พลูทรัพย์ กล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงจุดตรวจดังกล่าวเป็นจุดตรวจเพื่อใช้ดูแลไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตามท้องถนน และอาชญากรรมในบริเวณนั้น เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะจากการสอบปากคำแฟนสาวผู้เสียชีวิตที่นั่งมาด้วยนั้นทราบว่า มองจากในรถนั้นมองแทบไม่เห็น เห็นด่านก็เห็นเฉพาะไฟ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ แต่จริงๆ มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 4 คน ในวันเกิดเหตุ
ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะชุดที่เจ้าหน้าที่ใส่สีมืด และฟิล์มติดรถนั้นหนา ซึ่งทางด่านก็เข้าใจว่ามีการแหกด่าน บางคนก็มีการใช้อาวุธ จึงทำให้เกิดการสูญเสีย ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านบางคนว่าทางเจ้าหน้าที่ด่านมีการดื่มสุราจนเมามาย จากการสอบทราบว่าบางคนมีการดื่มจริง แต่ดื่มนิดหน่อยไม่ถึงขั้นว่าเมามาก อย่างไรก็ตาม คดีนี้จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ต้องค่อยๆ ดำเนินการตามกฎหมายและหลักฐาน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งก็กำหนดกรอบการดำเนินการอยู่ จะรวบรัดโดยทันทีไม่ได้ เพราะต้องอาศัยพยานหลักฐานหลายอย่างประกอบกัน แม้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง