ข่าว

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จ่อหมายเรียกนศ.แพทย์ เข้าให้ปากคำวันนี้ ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์" ด้านเจ้าของฟาร์มยันสุนัขทุกตัวแข็งแรง ตรวจโรคตามเวลา รุนพี่เผยคล้ายป่วยจิต มหาลัยสั่งบำบัด

        จากกรณีนักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง นำสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เกิดตายระหว่างทาง จากนั้นเจ้าของสุนัขได้เรียกร้องค่าประกันกับทางบริษัทขนส่ง เมื่อโรงพยาบาลสัตว์ทำการผ่าพิสูจน์ซากสุนัขพบว่ามียาลดความดันของมนุษย์อยู่ในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมาก โดยสงสัยว่าอาจถูกวางยาเพื่อเรียกร้องเงินประกัน อย่างไรก็ตามหลังเรื่องแดงขึ้นมาและมีการสาวปมพบนศ.แพทย์ผู้นี้ได้กระทำเรื่องแบบเดียวกันกับทางโรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น จ.นครราชสีมา ด้วยเช่นกัน

          วันที่ 10 กันยายน พ.ต.ท.สืบพงศ์ กรุณา รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ และบริษัทขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนักศึกษาแพทย์มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจตนาว่าจ้างให้ขนส่งสุนัขเพื่อเอาเงินประกันภัย จากการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นเอกสารการปลอมแปลงราคาซื้อสุนัขและหลักฐานการพูดคุยผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นไลน์พบว่า เข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหาพยายามฉ้อโกงอย่างชัดเจน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนสามารถทำการออกหมายจับได้ในทันที ส่วนจะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์หรือไม่นั้นยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากยังขาดหลักฐานสำคัญคือตัวยาที่ใช้ฆ่าสุนัขตัวแรก

 

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

           พ.ต.ท.สืบพงษ์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของคนขับรถของบริษัทขนส่งสัตว์อีกแห่งที่ปรากฏเรื่องราวในโลกโซเชี่ยลทราบเพียงว่าเห็นเจ้าของป้อนเม็ดยาให้กับสุนัข และพบเม็ดยาติดอยู่ที่ปลอกคอของสุนัข ทั้งนี้คงต้องรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนถึงจะทราบว่าเป็นการจงใจทารุณกรรมสัตว์หรือไม่

          “ ในวันพรุ่งนี้(11 ก.ย.) ทางพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร จะทำการออกหมายเรียกให้นักศึกษาแพทย์รายดังกล่าวมาเข้าพบเพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งหากออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง ยังไม่เข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ”พ.ต.ท.สืบพงศ์ระบุ

           นางณัฐนันท์ หรือหญิง จีระวิวิธพร อายุ 39 ปี เจ้าของบริษัทขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า โดยก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าทราบว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้ติดต่อเข้ามาที่ร้านเพื่อใช้บริการนำสุนัขพันธุ์ปอม เพศผู้ สีน้ำตาล อายุ 7 เดือน ไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้น จ.นครราชสีมา โดยให้ข้อมูลว่าจะนำไปฝากไว้ภายในสถานที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2 วัน เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนสาวเนื่องจากอยากได้และชื่นชอบสุนัขพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก โดยทางบริษัทได้แจ้งค่าบริการขนส่ง 6,500 บาท และลูกค้าขอทำประกันชีวิตเพิ่ม 4,000 บาท เนื่องจากซื้อมาในราคา 4 หมื่นบาท หากเกิดเสียชีวิตในระหว่างการเดินทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบตามจำนวนเงินทั้งหมด 

          “กระทั่งเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา มีการนัดแนะให้ทางบริษัทไปรับลูกค้าและสุนัขที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายเขตจตุจักร กทม. ก่อนเดินทางไปพร้อมกันทั้งหมดภายในรถของบริษัท ซึ่งระหว่างการเดินทางน้องหมามีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ดิฉันจึงนำกลูโคสผสมน้ำดื่มให้รับประทานเป็นระยะๆ เมื่อถึงที่หมายจึงเดินทางกลับทันทีเนื่องจากมีลูกค้ารออีกเป็นจำนวนมาก” นางณัฐนันท์กล่าว

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

 

          เจ้าของบริษัทขนส่ง กล่าวอีกว่า  เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งขณะที่ตนใกล้ถึงกทม.  เจ้าของสุนัขได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าสุนัขตายแล้ว ด้วยความเป็นกังวลใจตนจึงวนรถกลับไปที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้นอีกครั้ง เมื่อไปถึงลูกค้าจะให้ทางบริษัทเป็นผู้ชดใช้จำนวนเงิน 4 หมื่นบาท แต่ตนไม่ยินยอมเนื่องจากข้อตกลงในเงื่อนไขวงเงินประกันหากสุนัขเสียชีวิตระหว่างขนส่งทางบริษัทจะเป็นผู้ชดใช้ให้ทั้งหมด จากนั้นลูกค้าจึงไปบอกกับทางโรงพยาบาลให้ช่วยชดใช้กับทางบริษัทฝ่ายละ 2 หมื่นบาท ซึ่งทางหมอต้นก็บอกว่าไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขเสียชีวิตจึงเยียวยาช่วยเหลือเป็นเงินสด 2 พันบาท และนำสุนัขไปเผาที่วัดให้เนื่องจากเป็นคนรักสัตว์มากเช่นกัน ก่อนตนจะเดินทางกลับกทม. ตามปกติ

          “เมื่อมาถึงบริษัทได้รับข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าของสุนัขได้ติดต่อมายังบริษัทฟีนิกซ์ เอ็กซ์เพลส จำกัด ตั้งอยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งเป็นของน้องชายดิฉันเพื่อให้ส่งกระต่ายจำนวน 10 ตัว พร้อมทั้งขอทำประกันหากเกิดการเสียชีวิตระหว่างขนส่ง หากตัวใดตายทางบริษัทจะต้องชดใช้ในราคาตัวละ 5,000 บาท ซึ่งครั้งนั้นทางน้องชายได้ปฏิเสธไปทันที ก่อนจะเกิดเรื่องกับตัวดิฉันและมาทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องหมาอีกตัวซึ่งแพทย์โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท จ.นครราชสีมา เป็นผู้ผ่าพิสูจน์จนพบความผิดปกติเจอยาลดความดันของมนุษย์ในกระเพาะอาหาร” นางณัฐนันท์ กล่าว

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

 

            นางณัฐนันท์ กล่าวด้วยว่า  ตนพร้อมด้วยตัวแทนของกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเมื่อวานนี้(9ก.ย.)  ในข้อหาพยายามฉ้อโกง ส่วนทางวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เป็นตัวแทนของรัฐซึ่งแจ้งในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากเป็นอาญาแผ่นดินโดยมีรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง

           ขณะที่นายเจษฎา กุลโสภณ เจ้าของฟาร์มสุนัขย่านสุขุมวิท101 ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร กล่าวว่า นศ.แพทย์คนดังกล่าว ติดต่อมาขอซื้อสุนัข 2 ตัว ตัวแรก ติดต่อซื้อ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ระบุว่าขอสุนัข อายุ 3-4 เดือนขึ้นไป ราคา 7-8พันบาท สุดท้ายตกลงกันที่ สุนัขเพศผู้ อายุ 7 เดือน ราคา 7,500 บาท นัดส่งกันที่ เจเจ มอล วันที่ 31 กรกฎาคม กระทั่ง วันที่ 31 สิงหาคม  นศ.แพทย์คนเดิม ติดต่อมาอีกครั้ง บอกว่า ต้องการสุนัขแบบเดิม เพื่อจะเอาไปเป็นเพื่อนเล่นกัน จึงจัดหา สุนัขตัวที่สอง เป็นเพศผู้ อายุ 7 เดือนเช่นกัน ราคา 7,000 บาท แต่ลดให้ในราคา 6,500 บาท นัดส่งกัน วันที่ 4 กันยายน ย่าน เจเจ มอลล์ เหมือนเดิม

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

 

          “สุนัขในฟาร์มทุกตัว มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรค มีการตรวจสอบทุกตัวและสอบถามลูกค้าหลังการขายเสมอ จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ไม่เคยพบปัญหามาก่อน ส่วนยาที่พบไม่ทราบว่าเป็นยาประเภทใด แต่ไม่ใช่วิตามินสำหรับสุนัขแน่นอน มองว่าจากหลักฐานต่างๆ จึงเชื่อว่า เจตนาฆ่า แต่ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่”นายเจษฎา ยืนยัน

          ร.ต.อ.ศรายุทธ์ สันทัด รอง สว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร เปิดเผยภายหลังสอบพยาน ว่า  เบื้องต้นมีการเรียกพยานหลายปากมาสอบปากคำแล้ว อาทิ บริษัทขนส่ง พนักงานผู้จัดส่ง และเจ้าของฟาร์มสุนัข ที่มาในวันนี้ หลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลการสอบปากคำ นำเรียนผู้บังคับบัญชา ว่าสัปดาห์หน้าจะออกหมายเรียก นศ.แพทย์คนดังกล่าวเข้าให้ปากคำ ส่วนที่มีการขอซื้อสุนัขตัวที่สอง ราคา 6,500 บาท แล้วจะให้ทางร้านออกใบเสร็จ ราคา 50,000 บาท และการนำเอกสารไปวางเงินประกันภัย 40,000 บาท นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ต่อไป

          ส่วนที่จ.นครราชสีมา วันเดียวกัน พ.ต.ต.มงคล คุปติศิริรัตน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่สัตวแพทย์รัชภูมิ เขียวสนาม นายสัตวแพทย์หัวหน้ากลุ่มสุขภาพสัตว์ สนง.ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขในข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควรว่า ตนเองได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก ประกอบด้วยนายสัตวแพทย์รัชภูมิ สัตวแพทย์หญิง อนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ที่ผ่าตัดสุนัข และพยาบาลผู้ช่วย เมื่อคืนที่ผ่านมา และในวันจันทร์ที่ 11 กันยายน  ตำรวจจะส่งยา จำนวน 12 เม็ด ที่พบในกระเพาะอาหารสุนัขและยาเม็ดสีเหลืองอีก 1 เม็ด ที่ตกอยู่ในตะกร้าใส่สุนัข ไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา และในสัปดาห์เดียวกันนี้จะเชิญพนักงานขับรถขนส่งสุนัข และนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหา มาสอบปากคำ ซึ่งถ้านักศึกษาแพทย์ไม่มาตามนัดหมายก็จะออกหมายเรียกตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

 

           ด้านสัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ  ได้นำตัวอย่างวิตามินหลายชนิดที่ใช้กับสุนัขแสดงให้ผู้สื่อข่าวดูเพื่อยืนยันว่า เม็ดยา 12 เม็ดที่พบตกค้างในกระเพาะอาหารสุนัขที่เสียชีวิต ไม่ใช่ยาวิตามินตามที่นักศึกษาแพทย์กล่าวอ้างแต่เป็นยาลดความดัน 3-4 เม็ด ที่ใช้กับคนและอีกกว่า 10 เม็ด เป็นยาไม่ทราบชนิดซึ่งไม่เคยพบเห็นว่ามีการใช้ยาลักษณะนี้กับสุนัขมาก่อน ปกติหากเป็นยาวิตามินบำรุงสุขภาพสุนัข ส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ มีสีน้ำตาลและมีกลิ่นหอม อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์เม็ดยาจากทางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครราชสีมา เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงอีกครั้ง

           "ขณะนี้สุนัขที่เสียชีวิตถูกเก็บรักษาโดยการแช่แข็งไว้ที่โรงพยาบาล  หลังจากนี้เตรียมส่งซากให้กับปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหน่วยงานที่แจ้งความในคดีความผิด พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์เพื่อนำไปพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป " สัตวแพทย์หญิงอนงค์นาถ ระบุ

 

หมายเรียกนศ.แพทย์ฆ่าหมาเอาประกัน ส่อโดน"ฉ้อโกง-ทารุณสัตว์"

 

           ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของหนุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งตั้งอยู่ในจ.นครราชสีมา พบกับมารดาของหนุ่มนักศึกษาแพทย์ ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า ลูกชายของตนเองไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้นานประมาณ 7 ปี แล้ว เพราะไปเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองไม่ทราบที่มาที่ไปเลย และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น

           ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามแพทย์รุ่นพี่ของนักศึกษาแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ระบุว่า นักศึกษาแพทย์คนนี้เดิมมีพฤติกรรมปกติเหมือนนักศึกษาแพทย์ทั่วไปตั้งแต่เข้าเรียนปี 1 แต่พอเรียนถึงปีที่ 6 คณาจารย์ที่คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่สอนตรวจพบว่าเขามีอาการป่วยทางจิตควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ รพ.สัตว์อีกแห่งที่ปฏิเสธจะจ่ายเงินประกันที่เอาสุนัขมาฝากให้ดูแลโดยนักศึกษาแพทย์คนนี้มีอาการโกรธรุนแรงและตัวสั่นผิดปกติทางคณะแพทย์ฯจึงได้ให้แจ้งให้พักการเรียนเพื่อไปรักษาตัวก่อน และนักศึกษาแพทย์คนนี้ต้องเรียนซ้ำชั้น ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนักศึกษาคนนี้ยังอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตหรือไม่ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ