เบนซ์ตกร่องกลางถนนไฟลุกท่วมดับ5

              3 ม.ค. 60  เมื่อเวลา 08.19 น.  ร.ต.อ.บุญเลิศ มุกดาสนิท รอง สว.(สอบสวน) สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋ง ยี่ห้อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พุ่งตกร่องกลางถนน 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี บริเวณหลัก กม.ที่ 99+800 ทำให้เกิดไฟลุกท่วมไหม้ตัวรถเสียหายบริเวณตอนหน้าของรถกว่าครึ่งคัน และมีผู้เสียชีวิตติดคาซากรถ 3 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย จึงเดินทางไปตรวจสอบ

 

 

              ที่เกิดเหตุอยู่ก่อนถึงหน้าวัดโพธิ์ใหญ่ พื้นที่ ม.4 ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พบรถเก๋ง ยี่ห้อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น S280 สีดำ ทะเบียน 1 กน 352 กรุงเทพฯ ตกลงไปอยู่ในร่องกลางถนน ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณด้านหน้ารถ และเบาะที่นั่งในช่วงตอนหน้าของตัวรถ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 3 ราย ทราบชื่อต่อมา นายอมรฤทธิ์ ถาวรสถิตย์ อายุ 62 ปี นางยวนใจ ถาวรสถิตย์ อายุ 85 ปี นางสรินญพร รัชตะชัยอนันต์ อายุ 65 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.พนมสารคาม ทราบชื่อ นายพิฑูรย์ ถาวรสถิตย์ อายุ 44 ปี ก่อนเสียชีวิตที่ รพ. ขณะที่ผู้บาดเจ็บสาหัสอีกราย นายชัยโรจน์ รัชตะชัยอนันต์ อายุ 60 ปี ส่งต่อรักษา รพ.พุทธโสธร (รพ.เมืองฉะเชิงเทรา)

 

 

              นายชาติพงษ์ รตโนภาส ผอ.แขวงการทางฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะเหตุใด เนื่องจากถนนสาย 304 ช่วงเลยจากหน้าวัดโพธิ์ใหญ่ไปแล้วนั้น เป็นเส้นทางตรงผิวถนนเรียบ และไม่ใช่จุดอันตรายที่มักเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง หรือซ้ำซากมาก่อน โดยจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งนั้นน่าจะเป็นบริเวณทางโค้งที่ด้านหน้าปากทางเข้าวัดโพธิ์ใหญ่มากกว่า แต่จุดที่เกิดเหตุในครั้งนี้ได้เลยผ่านไปไกลถึงกว่า 1 กม.แล้ว คือ ที่ กม.99+800 ด้านฝั่งขาเข้า กทม.

              ทั้งนี้ ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และทำการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต่อไป แต่จากการที่ทางแขวงการทางได้เดินทางเข้ามาดูยังจุดเกิดเหตุแล้ว ในช่วงเวลาประมาณ 08.00 น.นั้น พบว่ารถยนต์คันเกิดเหตุได้พุ่งชนเข้ากับต้นไม้คือ ต้นตะแบก ที่ปลูกอยู่ในร่องกลางถนนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 5 - 6 นิ้ว จนขาดออกจากกันเป็นสองท่อน คาดว่ารถคันนี้ขับมาด้วยความเร็วสูง โดยอาจเสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนนชนต้นไม้ดังกล่าว

 

 

              ต่อมาเวลา 14.30 น. ภายหลังทีมแพทย์ รพ.พุทธโสธร พยายามผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตแต่ไม่สำเร็จ นายชัยโรจน์ ได้เสียชีวิตเป็นรายที่ 5 ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาญาติๆ ของสองครอบครัวที่เดินทางมาที่ รพ.พนมสารคาม เพื่อติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล และทราบข่าวการสูญเสีย

              นายชาติพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้พากันออกเดินทางไปเยี่ยมอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้วรายหนึ่ง ป่วยอยู่ใน รพ.ขอนแก่น และเป็นญาติกัน ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยตลอดทางทั้งขาไปและขากลับนั้น จะมีคนขับผลัดเปลี่ยนกันอยู่จำนวน 3 คนในการเดินทาง และได้เดินทางกลับออกมาจาก รพ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเวลา 14.00 น.วานนี้ และได้มาแวะพักรถยังที่สำนักงานของ นายชัยโรจน์ ในเขต อ.กบินทร์บุรี ก่อนจะออกเดินทางต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. จนมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

 

 

              สำหรับศพของครอบครัว “ถาวรสถิตย์” นั้น ทางญาติได้เตรียมที่จะนำไปประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่วัดธาตุทองใน กทม. ศาลา 1 ศาลา 8 และ 14 ส่วนครอบครัว “รัชตะชัยอนันต์” อยู่ระหว่างรอปรึกษากันของทางญาติ

              ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตตามความเชื่อส่วนบุคคลถึงเลขทะเบียนรถเบนซ์ที่เกิดเหตุคือ 1 กน 352 กทม. ซึ่งตรงกับทะเบียนรถตู้โดยสาร 15-1352 กทม.ที่ประสบอุบัติเหตุชนกับกระบะจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ตู้ชนประสานงากระบะไฟลุกท่วมวอดดับสยอง25ศพ (อ่านต่อ...มีคลิป) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นเลขอาถรรพ์ไฟมรณะปีระกา