ข่าว

ระเบิด2ลูก160กิโลกรัม‘คาร์บอมบ์’หน้ารร.ปัตตานี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ระเบิด2ลูก160กิโลกรัม‘คาร์บอมบ์’หน้ารร.ปัตตานี ประธานหอการค้าชี้ ‘ทุกฝ่ายทำดีที่สุดแล้ว’ คนร้ายปรับเปลี่ยนวิธีการอยู่ตลอดเวลา แนะเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา

             เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 24 สิงหาคม 2559 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้เดินทางมายังโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง ซุกเอาไว้ในรถยนต์กระบะของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่ถูกโจรกรรมมา แล้วนำมาจอดที่หน้าโรงแรม ก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บกว่า 30 ราย 

             ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินสอบถามบรรดาชาวบ้านที่อยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรม ซึ่งเป็นร้านค้าต่างๆ ก่อนที่จะตรวจสอบจุดที่คนร้ายนำรถยนต์บรรจุระเบิดมาจอด โดยมี พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รอง ผบช.สพฐ.ตร/ผบ.ศนต.จชต ให้ข้อมูลจากการตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุ

             พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่เดินทางในครั้งนี้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ตนลงมาติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนได้เน้นย้ำในที่ประชุม 2 ส่วน คือการติดตามกลุ่มคนร้ายและมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย ให้ทำเชิงรุก ซึ่งได้เน้นย้ำไปแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นสถานบันเทิงต่างๆ ก็ได้มีการพูดคุยกัน และจะมีการขอความร่วมมือกับทางผู้ประกอบการด้วย โดยเฉพาะในเขตเมืองให้มีความเข้มมากขึ้น

             “ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเริ่มสอบสวน ยังไม่ตัดประเด็นอะไร ส่วนกลุ่มเครือข่ายผู้ก่อเหตุ ก็มีอยู่แล้วแต่ยังระบุไม่ได้ สำหรับคดีคาร์บอม ที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายก็ไม่เลือกเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ในการสืบสวนสอบสวน ก็จะดำเนินไปอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว ซึ่งทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน และ อีโอดี ก็เก็บหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว ต้องขอเวลาอีกระยะ ส่วนรถคันนี้ถือว่าเป็นการอำพรางของคนร้าย ที่นำรถของทางราชการทำปฎิบัติการ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี” ผบ.ตร. กล่าว

             มีรายงานจากชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้ในครั้งนี้ เป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส จำนวน 2 ลูก น้ำหนักรวมประมาณ 160 กก. ที่คนร้ายต่อพ่วงกับชุดจุดระเบิดแบบตั้งเวลา โดยถังแก๊สทั้งสอง ถูกวางไว้ที่เบาะด้านหลังของรถ ก่อนที่คนร้ายจะนำมาจอดที่หน้าโรงแรม แล้วเกิดระเบิดขึ้น จนเกิดความเสียหาย


ประธานหอการค้าชี้“ทุกฝ่ายทำดีที่สุดแล้ว”  

             นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจ.ปัตตานี กล่าวว่า สำนักงานหอการค้าจ.ปัตตานี กระจกได้รับความเสียหาย แรงระเบิดยังไปถึงบ้านประตูหลังบ้านเกือบหลุด ตอนนั้นรู้ว่าระเบิดใกล้ๆ แต่ไม่รู้ตรงไหน ก่อนหน้านี้นานมาแล้วเคยมีครั้งหนึ่งที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว แต่เป็นลูกเล็กๆแค่หยอกๆนานมาแล้ว แต่ครั้งนี้หนักมากเมื่อเทียบกับระเบิดโรงแรมซีเอสปัตตานีครั้งนี้หนักกว่าเยอะ หลังจากที่เมื่อเช้าเข้าไปดูที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นห่วงว่าสำนักงานหอการค้าจ.ปัตตานีอยู่ใกล้ๆที่เกิดเหตุ และยังมีบ้านให้คนเช่าอยู่ ก็เข้าไปดูว่าเขาได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เขาก็บอกว่ายังไม่เป็นไร

             “เมื่อเช้าเข้าพบกับผู้หลัก ผู้ใหญ่ ที่เข้ามาดูพื้นที่เกิดเหตุ เห็นสภาพแล้วต้องบอกว่าลูกนี้ เป็นลูกใหญ่มาก”

             สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ก็ต้องตอบว่าโดยใช้คำเดิมว่า อันนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกของจ.ปัตตานี แต่มันอาจจะแตกต่างจากกรณีที่เกิดขึ้นใน 7 จังหวัดเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งมันเป็นคนละกรณี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมามันจะคล้ายกันตรงที่ว่า 7 จังหวัดอาจจะเกิดสะดุดในระยะสั้น แต่หากรัฐบาลดูแลก็สามารถเดินต่อไปได้ แต่สำหรับที่จังหวัดปัตตานี้ครั้งนี้ มันอาจจะทำให้เกิดการสะดุดนานกว่า เพราะจะมีคำถามพ่วงตามมาว่า แล้วทำไมยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบหนักๆแบบนี้แล้วในพื้นที่นี้แล้ว แต่ด้วยความที่เราอยู่กับมันมานานกว่า 10 ปี เราก็รู้ว่าทุกฝ่ายทำดีที่สุดแล้ว ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายเจ้าของสถานที่ เจ้าของโรงแรม

             “ทางฝ่ายภาครัฐหรือฝ่ายความมั่นคง ต้องรีบสร้างความเชื่อมั่นกลับมาโดยเร็ว" นายศิริชัย กล่าวและว่า 

             คำถามที่ว่าในเมื่อทุกฝ่ายทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมยังเกิดเหตุขึ้นมาได้อีก ต้องเข้าใจว่าคนที่จ้องทำกับคนที่เฝ้าระวังมันต่างกัน คนที่คอยจ้องจะทำยังไงก็ต้องพยายามหาวิธีการและโอกาสในการก่อเหตุ และเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในจ.ปัตตานี หรือประเทศไทยเท่านั้น เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบันก็เกิดขึ้นในหลายๆพื้นที่ ซึ่งการป้องกันทำได้ค่อนข้างยาก บวกกับรูปแบบในการก่อเหตุก็มีการพัฒนา มีการปรับเปลี่ยนวิธีการไปจากเดิม ทำให้คนที่เฝ้าระวังก็ไม่รู้ว่ามันจะมาตอนไหน อย่างไร

             “ครั้งนี้ก็ทราบมาว่ารถยนต์คาร์บอมบ์ก็เป็นรถพยาบาล นี้คือวิธีการเขาเปลี่ยน ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีการแบบนี้ ขนาดนี้ อะไรทำนองนี้”

             สรูปก็คือว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเลยเราก็คงโดนหนักกว่านี้ ที่เราพยายามดูแลกันทั้งฝ่ายความมั่นคง หรือทางฝ่ายประชาชนเอง ก็ทำกันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเราโดนหนักกว่านี้ เหมือนสมัยที่มีการดับไฟเผาเมืองทำนองนั้น หรือการวางระเบิดคราวเดียวกัน 20-30 จุด สร้างความโกลาหล แต่ปัจจุบันเรามีมาตรการป้องกันที่ดีที่สุดแล้ว แต่โอกาสของคนที่จ้องกระทำยังไงเขาก็ต้องหาช่อง หาโอกาสจนได้นั่นแหละ ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำคือ เร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา และไม่รู้จะพูดแล้วจะดีหรือไม่ดี สำหรับคนในพื้นที่ๆว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ

             เมื่อถามว่าเราอยากให้เกิดมั๊ย เราก็ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่ได้หมายความว่าในพื้นที่นี้ไม่เคยมีอะไรแบบเกิดขึ้นเลย แต่ทำยังไงให้คนข้างนอกเข้าใจว่า คนในพื้นที่ยังอยู่ได้ ฉะนั้นคนนอกพื้นที่ก็สามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ เพราะผมยังอยู่ได้คูณก็มาได้ เพราะเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีนักลงทุนจากต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่พอเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดเมื่อวันที่ 11 และ 12 ส.ค.เขาก็ถามว่ายังไปในพื้นที่ได้อีกหรือไม่ ผมก็บอกว่ายังมาได้ ไม่มีปัญหา เขาก็มา นั่นคือสิ่งที่เราต้องอธิบายให้คนข้างนอกเข้าใจว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เหมือนมีสงครามนะ คนในพื้นที่ก็ยังอยู่กันได้ แต่เมื่อมันมีเหตุเกิดมันก็เกิด มันจะต่างกันตรงที่ หากระเบิดในกรุงเทพฯจะมีผลกระทบรุนแรงกว่า 3 จังหวัด แม้ว่าระเบิดจะเล็กกว่า ไม่รุนแรงเหมือน 3 จังหวัด ฉะนั้นระเบิดที่เกิดขึ้นที่จ.ปัตตานี มันก็คือระเบิด

             “ผมยังยืนยันว่า คนข้างนอกยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ และอยู่ได้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ประธานหอการค้าจ.ปัตตานี กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ