ข่าว

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร.ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์เหยื่อริมถนน ก่อนทำทีเป็นพลเมืองดี ตกลงราคาส่งคืน

 

               23 เม.ย. 60  พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ธชาพัฒน์ สุวรรณคชพงศ์ สวป.สน.ลุมพินี ร่วมกันนำกำลังตำรวจสายตรวจ สน.ลุมพินี จับกุมตัว นายสมพร โคกทอง อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 612/183 ตรอกวัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6 พลัส จำนวน 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1 กฬ 2332 กทม. จำนวน 1 คัน และหมวกกันน็อกสีดำ จำนวน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

 

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

 

               พ.ต.อ.พรชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากด้วยความเป็นห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ห้วงหลังจากเทศกาลสงกรานต์ 2560 ตนมอบหมายให้ พ.ต.ท.ดวงโชติ เป็นผู้รับผิดชอบในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเพิ่มความเข้มในการออกตรวจของสายตรวจหลังเทศกาลดังกล่าวไปอีก 7 วัน ทั้งช่วงกลางวัน และช่วงกลางคืน จนเมื่อวันที่ 23 เมษายน เวลาประมาน 04.00 น. ที่ผ่านมา ขณะที่ พ.ต.ท.ธชาพัฒน์ นำกำลังตำรวจสายตรวจ สน.ลุมพินี ออกปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสวนลุม ว่า เกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์บริเวณปากซอยสุขุมวิท 11 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นางสาวไรวินท์ บุญหนุน อายุ 24 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหาย อยู่ในอาการตื่นกลัวเล่าทั้งน้ำตาว่า ถูกคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกครึ่งใบสีดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 2332 กระชากเอาโทรศัพท์มือถือไป ต่อมานางสาวไรวินท์ ได้เล่าอีกว่า ได้โทรศัพท์เข้าโทรศัพท์มือถือของตน พบว่ามีผู้รับสาย และได้บอกกับตนว่า ให้นำเงินจำนวน 3,500 บาท ไปแลกกับโทรศัพท์เครื่องที่ตนถูกกระชากไป โดยนัดหมายเพื่อส่งมอบกันที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

 

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

 

               พ.ต.ท.ดวงโชติ กล่าวว่า ทางตำรวจได้ทำการซ้อนแผนคนร้าย ร่วมกันกับผู้เสียหาย เพื่อทำการจับกุม โดยตำรวจชุดจับกุมนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณโดยรอบจุดนัดพบ และให้ผู้เสียหายเดินไปพบคนร้ายตามที่นัดหมาย เมื่อผู้เสียหายมาถึงจุดนัดหมาย พบนายสมพรเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือมามอบให้ ทางตำรวจจึงได้แสดงตัว และเข้าทำการตรวจค้น ผลปรากฏว่าพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6 พลัส ของผู้เสียหาย แต่เจ้าตัวได้ยืนกรานว่าเป็นเพียงพลเมืองดีที่นำโทรศัพท์มาคืนแก่เจ้าของเท่านั้น แต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ ขอให้ผู้ต้องหาพาไปตรวจสอบรถจักรยานยนต์ และหมวกกันน็อก บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 30 ซึ่งผู้เสียหายยืนยันสามารถจดจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าว

 

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

 

               นอกจากนี้ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการขยายผล โดยสอบสวน และเกลี้ยกล่อมนายสมพรจนยอมรับสารภาพว่า ในช่วงเวลาประมาณ 22.15 น. วันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ โทรศัพท์มือถือซัมซุงกาแล็คซี่ เจ7 สีทอง ของผู้เสียหายอีกรายไปจากบริเวณปากซอยสุขุมวิท 3/1 ซึ่งตรงกันกับที่ผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลไว้ จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ไปตรวจค้นบ้านที่ผู้ต้องหานำโทรศัพท์มือถือไปเก็บไว้ ภายในซอยนนทรี 20 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. ก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่ สน.ลุมพินี

 

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

 

               สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ได้เพียงแต่รับจ้างทั่วไป ใครจ้างทำสิ่งใดก็ทำเพื่อแลกกับเงิน แต่ไม่พอใช้ ประกอบกับห้วงเทศกาลสงกรานต์ได้ใช้เงินไปจนหมดแล้ว ไม่มีไว้ใช้จ่าย จึงวางแผนคิดรวยทางลัดด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตามท้องถนนยามค่ำคืน เมื่อพบเห็นเหยื่อที่เป็นหญิงสาวเดินเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ริมถนนเพียงคนเดียว จะลงมือกระชากไปจากมือผู้เสียหายแล้วหลบหนี จากนั้นจะนำไปเก็บไว้ที่บ้าน แล้วจะวางแผนทำทีเป็นพลเมืองดีติดต่อขอคืนทรัพย์สิน เมื่อเหยื่อตกลงก็จะไปตามนัดหมาย แต่กลับถูกตำรวจซ้อนแผนทำการจับกุมเสียก่อน

 

ซ้อนแผนจับโจ๋แสบวิ่งราวโทรศัพท์

 

               พ.ต.ท.ดวงโชติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกตำรวจ สน.บางโพงพาง จับกุมข้อหา “ครอบครองยาเสพติด” เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้สามารถติดต่อมายัง สน.ลุมพินี ได้ทันที เบื้องต้น แจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์ หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ