ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรอยู่ราวๆ5.3ล้านครอบครัว มีที่นาอยู่53ล้านไร่ เฉลี่ย15ไร่ต่อครอบครัว หลายรายเป็นหนี้ ธ.ก.ส.จาก10,000บาทเป็น100,000บาท ภายในแค่ 1ปี
ระวี รุ่งเรือง นายกสมาคมเครือข่ายชาวนาไทย
เมื่อหักลบกันแล้วนำมูลค่าที่เหลือไปคำนวณเป็นหุ้นในการลงทุนในนาแปลงใหญ่ และบริหารด้วยระบบสหกรณ์
นายวลิต เจริญสมบัติ ประธานเกษตรแปลงใหญ่ระดับประเทศ ประธานศูนย์ข้าวชุมชนจังหวัดราชบุรี ความคิดเห็น
ตัวอย่าง“ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ตำบลเจดีย์หัก” (อ.เมือง จ.ราชบุรี) ปี 2545 คิดปรับปรุงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและปริมาณสูง พร้อมๆ ไปกับการปรับปรุงบำรุงดิน น้ำ ตลอดจนระบบนิเวศน์ทุกอย่าง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรในตำบลเจดีย์หัก จำนวน 33 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้น 21 ล้านบาท ทั้ปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของบรรดาเกษตรกรชาวนาทุกคนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ครั้งแรกมีสมาชิกเพียง 25 คน ในพื้นที่ที่ทางราชการกำหนด คือ 200 ไร่ ประสบความสำเร็จเพียง 7 คน ในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
แต่พอปี 2546 ส่งเมล็ดพันธุ์เข้าไปตรวจสอบทั้งความบริสุทธิ์และความงอกตามหลักเกณฑ์ที่ราชการกำหนดมา ปรากฏว่า เมล็ดพันธุ์ที่ส่งตรวจมีค่าเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด มีโรงสีข้าวในปี 2550 เป็นผลมาจากความร่วมมือในการทำงานของทุกคนในชุมชน ปัจจุบัน ศูนย์แห่งนี้มีสมาชิกทั้งหมด ประมาณ 400 คน มีเงินทุนหมุนเวียน ปีละ 2 – 3 ล้านบาท มีกฎเกณฑ์การฝากเงินว่า หากคุณฝากครบ 20,000 บาท จะต้องถอนออกไป 10,000 บาทกำหนดไว้ว่าต้องมีเงินหมุนเวียนไม่เกิน 4 ล้านบาท
ประยูร แตงทรัพย์ ชาวนาวัย 50 กว่าปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่สามารถผลิตข้าวพันธุ์ชั้นดี ซึ่งโรงสีรับซื้อโดยไม่ต้องตรวจสิบสินค้า เขานำศาสตร์พระราชามาใช้ใน เพาะปลูกหลากหลายรูปแบบ เลือกทำการเกษตรที่หลากหลาย ลดต้นทุนการทำนา เพื่อไม่ให้ขาดทุน โดยลดใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ใช้แรงงานตัวเอง เก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกเอง และปรับตัวเพื่อดำรงอาชีพ ด้วยความพอใจส่วนตัว รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการตลาด โดยความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ ในการผลิตและจำหน่าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง