ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติ เห็นชอบวัน "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" 19-22 กรกฎาคมนี้ ไม่ตามใจ หลัง "ฝ่ายค้าน" ยื่นญัตติ ขออภิปราย 5 วัน
สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบเรื่องที่ประธานสภาเรื่องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสอบถามมายัง ครม. ถึงกรอบวันเวลาที่เหมาะสมในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมองว่าควรใช้เวลาในการอภิปรายเพียง 4 วัน เพราะในช่วงเดือนกรกฎาคม มีวันหยุด จึงเห็นควร ให้อภิปรายในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 65 ส่วนวันที่ 18 ก.ค. 65 จะเป็นการประชุม ครม. ทั้งนี้ ได้ให้วิปรัฐบาลไปหารือกับวิปฝ่ายค้าน ซึ่งน่าจะตกลงกันได้ในเรื่องการบริหารเวลา
ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เชื่อว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมีการเตรียมตัวอยู่แล้ว เพราะเป็นโอกาสดีที่รัฐมนตรีจะได้ชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งรับฟังปัญหาที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นไปตามกลไกของระบบประชาธิปไตยที่ให้มีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล จึงมั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคจะตอบคำถามได้
ก่อนหน้านี้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าได้ส่งญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปที่รัฐบาลแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายนหลังจากนี้จะต้องมีการประสานงานร่วมกันของวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง และจากการที่มีเคยมีการอภิปรายมาแล้ว 3 ครั้งจึงเชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจกระบวนการดี จะเหลือก็เพียงแต่เรื่องของเวลาที่แต่ละฝ่ายจะใช้ว่าฝ่ายละเท่าไหร่ อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังถือเป็นภารกิจของรัฐบาลที่มีโอกาสจะได้ชี้แจง และเชื่อว่าเวลาของทั้ง2ฝ่ายคงจะไม่แตกต่างกัน
แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีการอภิปรายกี่วันทางฝ่ายสภาก็พร้อมที่จะเตรียมการให้ทั้งเรื่องของสถานที่และเวลา โดยภายในสัปดาห์นี้จะเชิญวิป 3 ฝ่าย มาร่วมหารือกัน
สำหรับแนวโน้มการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเลื่อนออกไปหรือไม่เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจยังพิจารณาไม่เสร็จ นายชวน ระบุว่า หลังจากนี้เชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ตำรวจจะสามารถพิจารณาได้เร็วขึ้น และคาดว่าน่าจะเสร็จได้ในวันศุกร์นี้จากนั้นก็จะเป็นการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับ
ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ส่งเสริมให้หน่วยงานราชการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศบริการประชาชน รวมถึงการแก้ไขข้อเรียกร้องเรียนต่างๆ นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่งเสริมบทบาทสตรีให้เกิดความเท่าเทียมกันกับต่างประเทศ โดยมีกองทุนสตรี ในการส่งเสริมการทำงานและทำกิจกรรม แต่ขอให้ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย
พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานสร้างการรับรู้ประชาชนเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล ที่ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุก 5 ปี รวมทั้งให้เตรียมเป็นข้อมูลในการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง