รัฐบาลยังมีศึกใหญ่อยู่ 2 ยก ที่จะต้องผ่านไปให้ได้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ความไม่เป็นเอกภาพของพรรครัฐบาล พปชร. ปชป. ฝั่งหนึ่ง กับ "ภท. "อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีผลพวงมาจากการลงมติแก้ รธน. จะส่งผลต่อการลงมติไม่ไว้วางใจ
อีกไม่กี่วันจะปิดสมัยประชุมสภา แต่รัฐบาลยังมีศึกใหญ่อยู่2ยก ที่จะต้องผ่านไปให้ได้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน
เริ่มจากการแก้รัฐธรรมนูญที่วันนี้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปไปกันคนละทาง เพราะไม่มีการประชุมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ทางใครทางมัน”นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลกล่าวแบบไม่ค่อยง้อ เมื่อถามถึงมติของวิปเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย ประกาศตัวชัดเจนว่าไม่เอาบัตรเลือกตั้ง2 ใบ
แต่พรรคพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์นั้นยกมือโหวตหนุนบัตรเลือกตั้ง2 ใบ
นั่นหมายความว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีความต้องการไม่ตรงกัน
ที่ภูมิใจไทย มีท่าทีเช่นนี้ก็เพราะว่าหากใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ จะทำให้จำนวน ส.ส.ของพรรคลดลงหรือมีบางคนจากบางพรรคถึงกับปรามาสว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคต่ำสิบ
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ จะได้เปรียบกับการใช้บัตร 2 ใบเช่นเดียวกับ เพื่อไทย ก็จะได้ประโยชน์
ว่ากันว่าพรรคขนาดกลางและพรรคเล็กจะสูญพันธ์ุจากการใช้กติกาดังกล่าว เลยทำให้ พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และพรรคเล็ก ออกมาคัดค้านการแก้ไขดังกล่าว
มันจึงสะเทือนรัฐบาลไม่น้อยเพราะพรรคเล็กในกลุ่มของพรรคพลังท้องถิ่นไทย ที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ก็ได้รับผลกระทบจากกติกาใหม่นี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แกนนำ พลังประชารัฐ มั่นใจว่าการแก้ไขในวาระ3 จะผ่านอย่างแน่นอน
จากนั้นจะมีการพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ลำพังตัวรัฐมนตรีที่ถูกยื่นไม่ไว้วางใจครั้งนี้ครบทั้ง3พรรค ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ที่คิดว่าคะแนนไว้วางใจจะไม่มีปัญหานั้น ไม่น่าจะใช่
เพราะอย่าลืมว่า หากความหวาดระแวงและความไม่เป็นเอกภาพของพรรครัฐบาลนั้น มีผลพวงมาจาการลงมติแก้รัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการลงมติไม่ไว้วางใจ
มันจึงกลายเป็นศึก 3เส้า ระหว่าง ภูมิใจไทย ฝ่ายหนึ่งกับพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์อีกฝ่ายหนึ่ง
จึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า คะแนนจะออกมาไม่เท่ากัน และจะเพิ่มความระแวงและรอยร้าวให้กับพรรคร่วมรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง