จับราชาผงขาว ชาวปากีฯ หนีกบดานไทย ส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้ "อเมริกา" ดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 64 นายจุมพล พันธ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ "อเมริกา"

 

   

 

ได้ร่วมกันส่งมอบตัว นายเมาลาบัคส์ กอร์จีชหรือ MAULABAKSH GORGEECH และนายไนมัลทุลลาห์ หรือ NIAMATULLAH GORGEECH สองพ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญ สัญชาติปากีสถาน ซึ่งมาหลบหนีในประเทศไทย
 เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ให้กับทางการสหรัฐ"อเมริกา" ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยทางการสหรัฐ ได้นำตัวทั้งสองกลับไปดำเนินคดี เพื่อรับโทษที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียบร้อยแล้ว

     

 

ทั้งนี้ การดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนทั้งสองรายในครั้งนี้ นายจุมพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางสหรัฐอ"อเมริกา" ได้มีคำร้องขอถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ตามกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของไทย ให้ดำเนินกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไปยังสหรัฐอเมริกา

 

ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า อยู่ในหลักเกณฑ์การส่งผู้ร้ายข้ามแดน จึงสั่งการให้สำนักงานต่างประเทศ และพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการยื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐาน ต่อศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลทั้งสองเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

 

ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องของพนักงานอัยการแล้ว ได้อนุมัติออกหมายจับ ตามร้องขอและพนักงานอัยการ ได้ส่งหมายจับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ติดตามจับกุมผู้ร้ายทั้งสองได้ และส่งให้พนักงานอัยการ และต่อมา พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้นำตัวผู้ร้ายทั้งสองฟ้องต่อศาล เพื่อดำเนินกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนในที่สุดศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ส่งตัวบุคคลทั้งสอง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการสหรัฐอเมริกา ดังกล่าว

 

นายประยุทธ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับคนร้ายข้ามแดนทั้งสองราย ถือเป็นตัวการในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งลักลอบขนส่งเฮโรอีนจำนวนหลักร้อยกิโลกรัม จากประเทศอัฟกานิสถาน และปากีสถาน ไปจำหน่ายยังเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐ"อเมริกา" 

 

ขณะที่ นายจุมพล กล่าวในช่วงท้ายว่า กระบวนส่งผู้ร้ายข้ามแดนในครั้งนี้ สำเร็จด้วยความร่วมมือที่ใกล้ชิด ระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทางการสหรัฐอเมริกา โดยผู้ช่วยทูตฝ่ายอัยการของสหรัฐ"อเมริกา" DEA ตลอดจนกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ"อเมริกา"  และนับเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ ของสำนักงานอัยการสูงสุด