สัญญาณเตือน ลูกเครียดจาก"เรียนออนไลน์" ปวดหัวบ่อย นอนไม่หลับ ไม่อยากพบปะผู้คน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในช่วงเวลาอันสั้น การเรียนการสอนจึงยังคงต้องใช้การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การเรียนออนไลน์ยังคงเป็นเรื่องที่สังคมถกเถียงกันว่า มีความพร้อมมากพอหรือยัง ระบบการจัดการเรียนการสอนเหมาะสมแล้วหรือไม่ อีกทั้งยังมีข่าวเศร้าเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อความเชื่อมันในการเรียนออนไลน์ของผู้ปกครอง

รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การเรียนในรูปแบบปกติ ส่งผลต่อความเครียดของเด็กอยู่แล้ว เนื่องจากประเทศเรามีการใช้ตัวชี้วัดในรูปแบบการประเมินผลจากการเรียนการสอน การแข่งขัน หรือที่เรียกว่า ระบบแพ้คัดออก ที่ยัดเยียดวิชาความรู้ให้เด็กมากเกินไป บางเรื่องมันมากเกินกว่าพัฒนาการตามวัยของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัย ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนของการศึกษาไทย และผิดหลักจิตวิทยา บวกกับความคาดหวังของสังคมที่กดดันเด็กมากเกินไป

การเรียนการสอนในรูปแบบปกติ เด็กยังสามารถคลายเครียดได้บ้างโดยการเล่นกับเพื่อนในช่วงเวลาพัก แต่การเรียนออนไลน์ที่เด็กต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เช้า เป็นเวลานานหลายชั่วโมง และระบบการจัดการเรียนการสอน ยังเป็นการจำลองการเรียนการสอนแบบในโรงเรียน มาใช้ในการเรียนออนไลน์ ส่งผลให้เด็กเกิดการเครียด โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ไม่เหมาะสมกับการนั่งเรียนหน้าจอ เพราะสมาธิสั้น และด้วยพัฒนาการของเด็กในช่วงเวลานั้น เหมาะสมกับการเรียน ขณะที่ครูก็ต้องจัดการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์กับตัวชี้วัด ที่ยิ่งเพิ่มความเครียด และความกดดันต่อเด็ก 

หมอเดวกล่าวด้วยว่า กระทรวงศึกษาธิการควรใจกล้ามากพอ ที่จะยกเลิกระบบแพ้คัดออก ลดความเครียดและความกดดันให้กับเด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่เส้นประสาทสมองกำลังเจริญเติบโต และเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอน ที่บูรณาการประสาทสัมผัสที่เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรยัดเข้าทุกอย่างเข้าไปในการเรียนออนไลน์ และต้องลดภาวะตึงเครียดของครูออกไปโดยเฉพาะตัวชี้วัดต่าง ๆ สร้างตลาดการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์แล้วเปลี่ยนการเรียนรู้เป็นกระดานบอร์ดในการแลกเปลี่ยนความรู้ มากกว่าการใส่เนื้อหาวิชาเรียน เพราะลดความกดดันให้กับเด็ก ใช้การวัดอัตราความสามารถของเด็กในเด็กเล็ก ลดการบ้านให้มากที่สุด 

หมอเดวแนะ ให้ผู้ปกครองคอยสนับสนุนและให้กำลังใจลูก ไม่กดดัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ สังเกตุพฤติกรรมลูก โดยสังเกตุจากพฤติกรรม มีการป่วยทางกายมากขึ้น ปวดหัว นอนไม่หลับ  สีหน้าวิตกกังวล กินข้าวไม่ได้ หรือหากมีผลทางจิตใจ ให้สังเกตุจากถ้าลูกมีอาการเพ้อ เหนื่อย บ่น ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากพบปะผู้คน ไม่อยากให้ใครมายุ่ง หากมีอาการเหล่านี้ อาจจะบ่งชี้ได้ว่าลูกมีอาการเครียดที่อาจจะมาจากการเรียนออนไลน์