สื่อไลฟ์สดชุมนุม ส่อเจตนาผิดกฎหมายหรือไม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกถูกตั้งคำถาม   

     เมื่อสายวันนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กล่าวถึงประเด็นตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานโดยเฉพาะการถอดเทปถอยคำปราศรัยของแกนนำม็อบที่ขึ้นเวทีสี่แยกราชประสงค์วานนี้(24มี.ค.) ว่าจะเข้าข่ายความผิดม.112 หรือไม่ 

     โดยเฉพาะถอยคำปราศรัยของแกนหลัก อย่าง  น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ "น้องมายด์" และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ "ครูใหญ่" นอกจากนี้ยังรวมไปถึงแกนนำย่อย ๆ อีกรวม 11 ราย    

     แต่นอกเหนือจากประเด็นแกนนำม็อบแล้ว รองผบช.น. ยังพูดถึงกรณีสื่อที่ถ่ายทอดสดเผยแพร่ภาพและเสียงเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวานนี้นั้น ทางตำรวจจะมีการตรวจสอบว่าเจตนาทำผิดกฎหมายในข้อใดหรือไม่ ถ้าหากผิดจะต้องมีการดำเนินคดีเช่นกัน 

     สำหรับประเด็นดำเนินการเอาผิดสื่อที่ถ่ายทอดสดหรือเผยแพร่ภาพและเสียงของการชุมนุมนั้น ไม่ใช่ถูกกล่าวถึงครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการถกเถียงกันระหว่างตำรวจกับสำนักข่าวหลายสำนัก 

     โดยเฉพาะกรณีช่อง  Voice TV และเพจสื่อออนไลน์รวม 4 สำนักข่าว ที่เคยถูกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับตำรวจ ยื่นฟ้องศาลอาญาให้ปิดสื่อดังกล่าว เนื่องจากมีพฤติการณ์คล้ายกับครั้งนี้ 

     แต่อย่างไรก็ดีในครั้งนั้นศาลตัดสินไม่ได้ให้ปิดสื่อหรือเอาผิดสื่อตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับตำรวจ ยื่นฟ้อง จึงทำให้สื่อที่ถูกฟ้องกลับมาทำหน้าที่ต่อไปได้จนทุกวันนี้  

     ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานสื่อทุกวันนี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่หมิ่นเหม่นั้นมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีอย่างมาก ซึ่งสื่อเองจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้คัดกรองข่าวสารก่อนที่จะนำเผยแพร่ไปต่อสาธารณะ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 

     ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาสื่อกับเจ้าหน้าที่ จำเป็นจะต้องมีการปรึกษาหารือ หาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน