"นายก"ย้ำจริงใจต่อการแก้ไข รธน.

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายกังวลและถกเถียงกันว่าก่อนหน้านี้รัฐบาล ได้เรียกหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด และสอบถามถึงแนวทางที่จะเดินหน้าว่าควรแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรในการพิจารณาของสภา ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ สภาจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อพิจารณาเสร็จสิ้น ก็ยังไม่สามารถประกาศใช้ได้ในทันที เพราะกระบวนการทั้งหมดนั้น ต้องมีการทำประชามติ ซึ่งก็ต้องรอการออก พระราชบัญญัติการทำประชามติ อีกครั้ง แต่ด้วยกระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า ตัวเองในฐานะ นายกรัฐมนตรี สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้วการลุกขึ้นชี้แจงของนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นหลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายในการประชุมรัฐสภา ถึงต้นเหตุความวุ่นวายทางสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ว่าปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดินที่นายกรัฐมนตรีต้องฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ถึงข้อเท็จจริงของปัญหาที่มีอยู่ 3 ข้อ คือ 1. การระบาดของโควิด-19 และความเสียหายของเศรษฐกิจประเทศ 2. การขวางขบวนเสด็จฯ ในวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา และข้อ 3. การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย

ส่วนตัวมองว่านายกรัฐมนตรี เป็นปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายตามวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เมื่อนายกฯมาขอฟังความคิดเห็นตนในฐานะ ส.ส. ขอแนะนำให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตนได้เคยแนะนำมาก่อนหน้านี้แล้วสองครั้งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวของพล.อ.ประยุทธ์เอง อีกทั้ง การชุมนุมเกิดจากเหตุผล 5 ข้อ และนายกฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ดังนี้
1. ญัตติที่เสนอในวันนี้เป็นญัตติที่ฉ้อฉน ไม่มีความจริงใจในการใช้เวทีรัฐสภาแก้ปัญหา ไม่เสนอต้นต่อของปัญหาที่ประชาชนออกมาไล่
2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ ส.ส. ได้ร่วมกันเสนอให้มีการแก้ไข แต่นายกฯ ไม่มีความจริงใจที่จะแก้ไข แต่ถ่วงโดยการตั้งกรรมาธิการศึกษา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา สนับสนุนงูเห่าและพังพอน ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้ความรุนแรงกับประชาชน ทุกอย่างเกิดจากตัวของนายกฯ ประชาชนหมดศรัทธาจึงออกมาขับไล่ ทั้งที่ประชาชน เยาวชนออกมาชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งจะเห็นว่าการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาใช้ความรุนแรงกับผู้มาชุมนุม
3. การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวทั้งในช่วงก่อนและหลังโควิด-19 เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่กู้กลับไม่นำไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง สินค้าแพง
4. การที่นายกรัฐมนตรีเปิดสภาวันนี้พอจะอาศัยรัฐสภาเป็นที่หลบภัย เพราะคนไทยทั้งประเทศออกมาขับไล่พลเอกประยุทธ์ เพราะที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ไม่เคยสนใจที่จะเข้าร่วมประชุม เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมาตอบกระทู้ใดใดในรัฐสภา แต่พอเดือดร้อนจึงมาอาศัยรัฐสภา
5. การถวายความปลอดภัย การขวางหน้าหยุดขบวนเสด็จฯ เป็นความบกพร่องของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายกรัฐมนตรี อีกทั้ง พ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย ได้ระบุไว้ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ จึงต้องรับผิดชอบไม่สามารถโทษใครได้

นายยุทธพงศ์ ยังระบุอีกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศและปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ เปิดเผยรอบคอบ และมีความระมัดระวัง ปัญหาสถานการณ์ในประเทศตอนนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ปัญหาต่าง ๆ จะจบสิ้น ไม่มีการชุมนุมขับไล่ ปิดห้าง ปิดรถไฟฟ้า เศรษฐกิจที่พังพินาศ ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านเดือดร้อน คนจนเดือดร้อน ปัญหาทุกอย่างจะจบลง คุณประยุทธ์ฟังผม “ลาออกไปครับ”