ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก รถบรรทุกเข้าออกหมู่บ้านวันละหลายรอบ

 

 

 

                    วันนี้30 ม.ค.2563 ทีมข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อาศัยอยู่ที่บ้านตากแดด หมู่ 10 ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ กำลังได้รับความเดือดร้อน จากรถบรรทุกดินที่วิ่งผ่านเข้าออกในหมู่บ้านหลายสิบเที่ยวตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าไปจนถึงตอนเย็น สร้างปัญหาฝุ่น และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านกว่า 3 ปี เป็นอย่างมาก

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ พบชาวบ้านรวมกลุ่มและได้ บอกว่า ฝุ่นจากรถบรรทุกดินกระจายเข้าบ้านจนเก็บกวาดไม่ไหว เสื้อผ้าที่ซักไว้ก็ไม่สามารถเอามาตากแดดได้ ตอนกลางวันอยู่ไม่ได้ จนถึงตอนค่ำ ถ้ารถบรรทุกหยุดวิ่งเมื่อไหร่ จึงจะกลับเข้าบ้านได้ บางครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ต้องพากันหนีไปอยู่กระต๊อบอยู่ชั่วคราว เพื่อให้ไกลจากฝุ่น โดยก่อนหน้านี้ ชาวบ้านบอกว่า ทางผู้รับเหมาที่จ้างรถบรรทุกขนดิน เคยจ้างคนขับรถบรรทุกน้ำมารดบนถนน แต่ก็ช่วยลดฝุ่นได้ไม่มากนัก แถมคนขับรถบรรทุกก็ขับเร็วมาก ไม่สนใจว่าชาวบ้านจะเดือดร้อน จึงได้แจ้งสื่อมวลชนให้เป็นกรับอกเสียงอีกทางหนึ่ง

 

 

 

 

                       นางรัชนีย์ หวังศุดดี อายุ 49 ปี ชาวบ้านตากแดด บ้านเลขที่ 196 หมู่ 10 ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า "ตนเองและครอบครัวอาศัยอยู่ที่นี่มานาน ก็เห็นรถบรรทุกดินสร้างปัญหาแบบนี้มานานมากแล้ว เนื่องจากบริเวณหมู่บ้านตากแดด นั้นอยู่ติดรอยต่อ จ.บุรีรัมย์ รถบรรทุกดินได้ขนดินทางจากฝั่งเขต จ.บุรีรัมย์ เพื่อมาขายให้กับชาวบ้านที่ใกล้เคียงและขนมาส่งที่ทางแขวงการทางทำถนนและสะพานสูง จึงทำให้มีผู้ประกอบการรถบรรทุกดินประมาณ 10 คัน ใช้เส้นทางวิ่งผ่านหมู่บ้าน เพราะเป็นเส้นทางลัดวิ่งขนดินกันตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืนวันละนับร้อยเที่ยว ซึ่งทำให้เกิดเศษดินตกหล่นตามรายทางเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเกิดเป็นฝุ่นดินคละคลุ้งพัดเข้าไปในบ้านเรือนประชาชนสร้างมลภาวะพิษให้กับผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก หลายคนต้องเป็นโรคทางเดินหายใจ บางบ้านคลอดลูกมาใหม่ ๆ กลางวันต้องหอบลูกไปอยู่อาศัยบ้านญาติเพราะฝุ่นเยอะ บางครอบครัวต้องใช้เครื่องสูบน้ำปั่นขึ้นมาฉีดบนพื้นถนนหน้าบ้าน เพื่อให้พื้นผิวถนนเปียกจะได้ลดปริมาณฝุ่นลงสิ้นเปลืองค่าน้ำค่าไฟเพิ่มขึ้นอีก ใครที่มีรถก็จะต้องล้างรถทุกวันร้านค้าต้องปัดฝุ่นออก ถ้าจะซักผ้าก็ต้องซักตอนกลางคืนเพราะถ้ามาตากไว้ก็จะมีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด จึงอยากขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยมาตรวจสอบแก้ไข อย่าให้ชาวบ้านต้องทนกินฝุ่นต่อไปอีกเลย

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว: รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดสุรินทร์