คนไข้ฟื้นจากโคมา 27 ปีหลังบาดเจ็บทางสมองรุนแรง 

เวบไซต์ The National สื่อในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานว่า เดิมแพทย์เชื่อว่า นางมูนีรา อับดุลเลาะ จะไม่สามารถลืมตาอีกครั้งได้อีกเลย หลังจากรถยนต์ที่เธอนั่งมาประสบเหตุชนประสานงากับรถนักเรียนเมื่อเกือบ 3 ทศวรรษก่อน  

นางอับดุลเลาะ วัย 32 ปีขณะนั้น ได้รับบาดเจ็บรุนแรงทางสมอง จากการเอาตัวปกป้องลูกชายวัย 4 ขวบก่อนชนประสานงา ทำให้ลูกชาย โอมาร์ เวบาอีร์ ที่ตอนนี้อายุ 32 ปีแล้ว บาดเจ็บเล็กน้อยแค่ฟกช้ำที่ศีรษะ  

เวบาอีร์ บอก เดอะ เนชันแนล ว่ามารดากับเขานั่งเบาะหลัง  ขณะเห็นรถทำท่าจะชน เธอพุ่งตัวกอดเขาไว้เพื่อไม่ให้โดนแรงกระแทก  แม่รอรถพยาบาลอยู่หลายชั่วโมงและไม่รู้สึกตัวแล้วตอนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 

 

(  มูนีรา อับดุลเลาะ ไปเยือนสุเหร่าใหญ่"เชค ไซเอ็ด"  ที่สร้างขึ้นราว 16 ปีหลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชนจนโคมานาน 27 ปี  / ภาพ The National ) 

เธอย้ายรักษาตัวตามโรงพบาบาลหลายแห่ง ครั้งแรกส่งไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แพทย์ระบุว่าแม่ของเขาอยู่ในภาวะผัก ซึ่งหมายถึงไร้ปฏิกริยาตอบสนองแต่ยังรู้สึกเจ็บปวดได้  ก่อนส่งตัวกลับไปในยูเออีเนื่องจากเงื่อนไขประกัน แต่เขาไม่เคยถอดใจ เพราะเชื่อเสมอว่าวันหนึ่งแม่ต้องตื่นขึ้นมา 

กระทั่งในเดือนเมษายน 2560 เชค โมฮัมเหม็ด บิน ไซเอ็ด มกุฏราชกุมารอาบูดาบี ทรงทราบเรื่องและได้มอบความช่วยเหลือแก่ครอบครัว ให้ส่งตัวเธอไปเยอรมนี เข้ารักษาที่คลินิกเชิน ในเมืองบาด ไอบลิง ห่างจากเมืองมิวนิกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 50 ก.ม.  เธอเข้ารับกายภาพบำบัด รักษาโรคลมชัก ผ่าตัดซ่อมแซมกล้ามเนื้อแขนและขา  และให้ยาปรับพฤติกรรมการนอนหลับ 

ราวหนึ่งปีต่อมา หรือสัปดาห์สุดท้ายที่รักษาตัวในเยอรมนี นางอับดุลเลาะเริ่มส่งเสียงแปลกๆ  สามวันต่อมา เวบาอีร์ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแม่เรียกชื่อของเขา 

“ผมดีใจมาก ตลอดหลายปี ผมฝันถึงนาทีนี้มาตลอด และชื่อของผมคือคำแรกที่แม่พูด” ลูกชายกล่าว 

เวลานี้ เธอเรียกชื่อคนในครอบครัวได้ทุกคน  สามารถสื่อสารด้วยท่าทางได้ และแสดงความรู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงไหน  เธอกลับบ้านในอาบูดาบีแล้ว และยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาฟราค กระนั้น โรงพยาบาลระบุว่า คนไข้ยังต้องกายภาพบำบัดเป็นประจำเพื่อเยียวยากล้ามเนื้อ 

“ผมแชร์เรื่องราวของแม่เพื่อบอกทุกคนว่าอย่าหมดหวังเพื่อคนที่คนเรารัก” ลูกชายกล่าว