Lifestyle

ร้อนนี้ ระวัง 'โรคพิษสุนัขบ้า' ภัยร้ายใกล้ตัว ติดเชื้อถึงตาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'โรคพิษสุนัขบ้า' เป็นอีกหนึ่งโรคที่มักเกิดขึ้นในช่องหน้าร้อน เป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่ต้องระวัง พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และยังติดต่อมาสู่มนุษย์

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และยังติดต่อมาสู่มนุษย์ พาหะนำโรคที่สำคัญที่สุด คือ สุนัข 95 % รองลงมาคือ แมว 4 % สัตว์เลี้ยงพวกโค กระบือ สุกร ม้า และสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมราว 1 % ซึ่ง นพ.ปรเมศวร์ วงศ์ประเสริฐ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านทารกแรกเกิดและปริกำเนิด ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children’s Health Center) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับอาการ การปฎิบัติตัวเมื่อถูกสัตว์กัด และการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อจะได้สังเกตตนเองและคนรอบข้าง สามารถนำไปสู่กระบวนการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมได้อย่างทันท่วงที

 

นพ.ปรเมศวร์ วงศ์ประเสริฐ

 

อาการของโรคพิษสุนัขบ้า

 

หลังได้รับเชื้อ โรคพิษสุนัขบ้า ผู้ป่วยจะแสดงอาการโดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ - 3 เดือน ในบางรายอาจใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีอาการแสดงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับตำแหน่งที่ถูกกัด ขนาด จำนวนและความลึกของบาดแผล รวมถึงภูมิต้านทานของคนที่ถูกสัตว์กัด ผู้ป่วยจะมีอาการของโรค พิษสุนัขบ้า เป็น 3 ระยะ ดังนี้

 

  • ระยะเริ่มต้น  ผู้ป่วยจะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน กระวนกระวายนอนไม่หลับ ในบางรายอาจมีอาการ เจ็บ คล้ายเข็มทิ่ม หรือคันบริเวณที่ถูกกัด ซึ่งเป็นลักษณะที่จำเพาะของโรคระยะนี้มีเวลาประมาณ 2-10  วัน
  • ระยะที่มีอาการทางสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน วุ่นวาย กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง กลืนลำบาก  รวมถึงกลัวน้ำ อาการจะเป็นมากขึ้นหากมีเสียงดัง หรือถูกสัมผัสเนื้อตัว จากนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการชักและเป็นอัมพาต ระยะนี้มีอาการประมาณ 2-7  วัน
  • ระยะท้าย ผู้ป่วยอาจมีภาวะหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น โคม่า และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น

 

การปฏิบัติตัวเมื่อถูกสัตว์กัด

 

  • ล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง นานอย่างน้อย 15 นาที ล้างทุกแผล และล้างให้ลึกถึงก้นแผล  ใช้ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน บริเวณแผล
  • สังเกตอาการสัตว์ที่กัด รวมทั้งสืบหาเจ้าของ เพื่อสอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า สังเกตอาการสัตว์ที่กัดเป็นเวลา 7 วัน ถ้าสบายดีไม่น่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แต่ถ้าสุนัขตายให้นําซากไปตรวจ
  • พบแพทย์พร้อมนำสมุดวัคซีนหรือประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและบาดทะยักไปด้วย ถ้ามีความเสี่ยงต่อ โรคพิษสุนัขบ้า แพทย์จะให้วัคซีนป้องกันโรค พิษสุนัขบ้า รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และยาฆ่าเชื้อ 
  • ในกรณีที่มีโอกาสติดโรคพิษสุนัขบ้าสูง หรือแผลอยู่ในตำแหน่งใกล้ศีรษะ แพทย์จะพิจารณาให้อิมมูโนโกลบุลิน ซึ่งมีภูมิต้านทานโรคพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย โดยวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจะฉีดประมาณ 3-5 ครั้ง วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีประสิทธิภาพสูง หากไปรับการฉีดตรงตามแพทย์นัดทุกครั้ง

 

 

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

 

เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ไม่มียาที่ใช้ในการรักษา และถ้าติดเชื้อจะเสียชีวิตเกือบทุกราย ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยมีแนวทางในการป้องกัน ดังนี้

 

  • พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามกำหนดทุกปี
  • ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปในที่สาธารณะ
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสัตว์กัดโดยไม่แหย่ หรือรังแกให้สัตว์โมโห รวมทั้งไม่ยุ่งหรือเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่รู้จักหรือไม่มีเจ้าของ
  • ถ้าโดนสัตว์กัดหรือมีแผลรีบล้างแผลแล้วไปพบแพทย์เพื่อดูแลให้ถูกต้องต่อไป

 

ทั้งนี้ โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากเชื้อ Rabies virus ซึ่งเป็น RNA virus การติดเชื้อที่สำคัญ คือการถูกสัตว์กัด ข่วน เลีย หรือน้ำลายสัตว์กระเด็นเข้าแผลรอยขีดข่วน เยื่อบุตา จมูก ปาก นอกจากนี้การชำแหละซากสัตว์หรือรับประทานผลิตภัณฑ์ดิบจากสัตว์ที่เป็นโรค พิษสุนัขบ้า ก็สามารถติดโรคได้เช่นกัน  

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ