Lifestyle

'วันเบาหวานโลก' โรคเบาหวาน มีกี่ประเภท เปิดอาการที่พบ ทำไมต้องฉีด อินซูลิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'วันเบาหวานโลก' รณรงค์หลักสร้างความตื่นรู้ถึง 'โรคเบาหวาน' มีกี่ประเภท เปิดอาการที่พบ รักษาอย่างไร ทำไมต้องฉีด 'อินซูลิน'

14 พฤศจิกายน 'วันเบาหวานโลก' เป็นการรณรงค์หลักสร้างความตื่นรู้ในระดับโลกถึง 'โรคเบาหวาน' ริเริ่มขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2534 โดย สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ และ องค์การอนามัยโลก เพื่อสนองต่อการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของเบาหวานทั่วโลก 'วันเบาหวานโลก' เป็นการรณรงค์ซึ่งเน้นธีมใหม่ที่เลือก โดย สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ ทุกปีเพื่อชี้ให้เห็นปัญหาที่เผชิญชุมชนผู้ป่วยเบาหวานโลก การรณรงค์นั้นมีขึ้นตลอดทั้งปี แต่วันนี้พิเศษตรงที่เป็นวันเกิดของ เฟรเดอริก แบนติง ผู้ร่วมกับ ชาร์ลส์ เบสต์ เป็นคนแรกที่เข้าใจแนวคิดซึ่งนำไปสู่การค้นพบ อินซูลิน ใน พ.ศ. 2465

 

 

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM) เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาด ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อ ฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก

 

หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อม เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ ซึ่งในปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าผู้ป่วยรายใหม่อาจเพิ่มประมาณปีละ 3 แสนคน และคนอายุยังน้อยหรืออายุ 15 ปีขึ้นไปที่เริ่มป่วยเป็น โรคเบาหวาน ก็มีจำนวนมากขึ้นด้วย

 

 

อาการของ โรคเบาหวาน

 

โรคเบาหวาน ในระยะแรกจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจตรวจพบโรคเบาหวานเมื่อพบภาวะแทรกซ้อนแล้ว อาการของโรคเบาหวานแต่ละชนิดอาจคล้ายกัน ซึ่งอาการที่พบส่วนใหญ่คือ กระหายน้ำมาก ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ สายตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด รู้สึกเหนื่อยง่าย  มีอาการชา โดยเฉพาะมือและขา บาดแผลหายยาก

 

ทั้งนี้ อาการของ โรคเบาหวาน ประเภทที่ 1 จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โรคเบาหวานประเภทที่ 2 จะแสดงอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มักเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 24-28 สัปดาห์

 

 

โรคเบาหวาน

 

สาเหตุของ โรคเบาหวาน

 

โรคเบาหวาน มีหลายประเภท ซึ่งสามารถแยกสาเหตุของโรคเบาหวานตามประเภทที่พบโดยทั่วไปออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 

 

  • เบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ 
  • เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes) เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะการดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance)
  • เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) ซึ่งเป็นโรคเบาหวานที่พัฒนาขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน โดยที่ผู้ป่วยไม่เคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน

 

นอกจาก โรคเบาหวาน ทั้ง 3 ประเภท ยังมีโรคเบาหวานที่พบได้ไม่บ่อยอย่างโรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือแบบโมโนเจนิก (Monogenic Diabetes) และโรคเบาหวานจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ยารักษาโรคบางชนิด หรือโรคชนิดอื่นอย่างโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) 

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด โรคเบาหวาน ก็เช่น คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 หรือ 2 มาก่อน อายุที่มากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป มีน้ำหนักตัวมาก ไม่ค่อยออกกำลังกายหรือขยับตัว รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ หรือมีปัญหาสุขภาพอย่างโรคความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดสูง 

 

 

การรักษา โรคเบาหวาน

 

การรักษาผู้ป่วยเบาหวานในประเภทที่ 1 จำเป็นต้องได้รับ ฮอร์โมนอินซูลิน เข้าไปทดแทนในร่างกายด้วยการฉีดยาเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการคุมอาหารและออกกำลังกายที่เหมาะสม 

 

ในขณะที่ โรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 หากเป็นในระยะแรกๆ สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลัง และควบคุมน้ำหนัก หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจให้ยาควบคู่ไปด้วยหรือฉีด อินซูลิน เข้าไปทดแทนเช่นเดียวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1

 

สำหรับผู้เป็น โรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ ควรเข้าฝากครรภ์กับแพทย์ตั้งแต่ในระยะแรก พร้อมทั้งควบคุมอาหารที่รับประทานและออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์

 

นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดแผลเบาหวานขึ้นที่เท้า แพทย์อาจให้ผู้ป่วยใส่อุปกรณ์ป้องกันแผล เช่น รองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เฝือก หรือผ้าพันแผล หากแผลเริ่มมีลักษณะรุนแรงขึ้น แพทย์อาจวางแผนการรักษาตามเหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแผลเบาหวานที่เป็น ทั้งนี้ หากรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น แพทย์อาจต้องตัดอวัยวะทิ้งเพื่อป้องกันอาการลุกลาม

 

 

การป้องกัน โรคเบาหวาน

 

สิ่งสำคัญของการป้องกัน โรคเบาหวาน ทุกชนิดคือ ต้องคอยหมั่นระวังระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลให้อยู่เกณฑ์ปกติ เน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วน มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ รวมถึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

 

หากเป็นสตรีมีครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวานหากมีความเสี่ยง เพื่อที่จะสามารถตรวจพบโรคเบาหวานได้ในระหว่างการตั้งครรภ์

 

โรคเบาหวาน

 

 

ที่มา : Pobpad

 

logoline