คอลัมนิสต์

"ยกเลิกเคอร์ฟิว" ความท้าทายใหม่รัฐบาล"ลุงตู่" เปิดประเทศเผชิญโควิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การตัดสินใจ "ยกเลิกเคอร์ฟิว" 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวรองรับเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ ถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของรัฐบาล"ลุงตู่"ในการต่อสู้กับโรคร้ายโควิด-19 /เจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต

ความพยายามเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มเด่นชัดขึ้นทุกขณะ โดยล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  ลงนาม ข้อกำหนดคลายล็อคพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว รับการเปิดประเทศ จำนวน 3 ฉบับ ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อค่ำวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา


ฉบับแรก เป็นการออกข้อกำหนดผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 สำหรับจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวรับการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้

 

ฉบับสองเป็นการประกาศ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ซึ่งได้แก่

 

๑. กรุงเทพมหานคร

๒. จังหวัดกระบี่

๓. จังหวัดชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และ อำเภอสัตหีบเฉพาะตำบลนาจอมเทียนและตำบลบางเสร่)

๔. จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่ริม และอำเภอแม่แตง)

๕. จังหวัดตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง)

๖. จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์)

๗. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก)

๘. จังหวัดพังงา

๙. จังหวัดเพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ)

๑๐. จังหวัดภูเก็ต

๑๑. จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม)

๑๒. จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)

๑๓. จังหวัดเลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน)

๑๔. จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)

๑๕. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า)

๑๖. จังหวัดหนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ และ อำเภอท่าบ่อ)

๑๗. จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอหนองหาน และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม)

 

ฉบับสาม เป็นมาตรการการควบคุมการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 

อย่างไรก็ดี ข้อกำหนดผ่อนคลายมาตรการโควิดสำหรับจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว มี 8 มาตรการสำคัญหนึ่งในนั้นคือ "ยกเลิกเคอร์ฟิว"พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวตั้งแต่ห้าทุ่มของวันที่ 31 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

 

กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งใน 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวจึงได้รับการ"ยกเลิกเคอร์ฟิว"ตั้งแต่ห้าทุ่มของวันที่ 31 ต.ค เป็นต้นไปด้วย

 

แต่ในข้อกำหนด ยังคงให้ปิดสถานบันเทิงลักษณะคล้าย ผับ บาร์ ไประยะหนึ่งก่อน นั่นก็สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีเคยแถลงว่า ในส่วนของการเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ภายในต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

 

นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ เพราะอย่าลืมว่า ก่อนมาถึงวันที่นายกฯลงนามออกข้อกำหนดและประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อค่ำวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา 

"ยกเลิกเคอร์ฟิว" ความท้าทายใหม่รัฐบาล"ลุงตู่" เปิดประเทศเผชิญโควิด

พล.อ.ประยุทธ์  เคยออกแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย  ด้วยการยืนยันพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 46 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ 

 

"ที่ผ่านมา เป็นความหนักใจที่สุดในชีวิตของผมเองด้วย ที่ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างปกป้องชีวิตคน กับปกป้องการทํามาหากิน เป็น 2 ทางเลือกที่ไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้เมื่อเราเลือกที่จะปกป้องชีวิตประชาชน เรากลับต้องทําให้ชีวิตเหล่านั้นพบเจอกับความยากลําบากในการทํามาหาเลี้ยงชีวิต ต้องอยู่อย่างไม่มีรายได้ หรือหากเราเลือกที่จะปกป้องการทํามาหากินตามปกติของประชาชน เราก็คงต้องเจอกับการสูญเสียชีวิต ที่อาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัวเรา...

 

ถ้อยแถลงตอนหนึ่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค.64  ย่อมบ่งบอกถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่คนเป็นผู้นำต้องรับรู้มาบ้างแล้วว่า กำลังจะเจออะไรบ้างนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป 

 

เพราะไม่ใช่เพียงแค่ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงต่ำ 46 ประเทศที่ทยอยเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย  ซึ่งก็ยังไม่อาจทราบได้ว่า จะมีจำนวนมากมายเพียงใด

 

แต่ที่แน่ๆ ประเด็นของมาตรการการคัดกรอง การควบคุมแพร่ระบาดระลอกใหม่จากภายนอกเข้าประเทศต่างหากที่รัฐบาลจะต้องบริหารจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือครั้งนี้ชนิดไม่ให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่เปอร์เซนต์เดียว 

 

อีกทั้ง การเปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วงวันเวลาดังกล่าว ก็มาพร้อมกับการยกเลิกเคอร์ฟิว 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ซึ่งมีจังหวัดสำคัญ นั่นคือ "กรุงเทพมหานคร" ที่ได้รับอานิสงส์ ได้กลับมาดำเนินชีวิต ตามปกติ  

 

แน่นอนว่า ในการเปิดประเทศให้กับ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว พร้อมกับ ยกเลิกเคอร์ฟิว ยังไม่มีเรื่องของการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์  และอนุญาตให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ในช่วงนั้น

 

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากมาตรการควบคุมดูแลไม่ได้เป็นไปอย่างเข้มงวด ปล่อยปละละเลย 

 

ปัญหาการแพร่ระบาดในลักษณะคลัสเตอร์ คงกลับมาอีกเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า แม้ว่าประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนกันเกือบ 60 เปอร์เซนต์แล้วก็ตาม 

 

หากการตัดสินใจครั้งนี้ โดยที่รัฐบาลภายใต้การนำ"ลุงตู่" เตรียมการรับมืออย่างเต็มประสิทธิภาพ ผลลัพธ์เชิงบวกย่อมกลับคืนสู่ประเทศได้อย่างแน่นอน

 

ทำนองกลับกัน หากผลลัพธ์ออกมาเชิงลบมากกว่า พบการแพร่ระบาดมากขึ้นจากการเปิดประเทศ ทั้งที่ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม  ย่อมเป็นตัวสะท้อนถึงการทำงานของรัฐบาลไม่สามารถเอาอยู่  รังจะเป็นเพิ่มคะแนนความนิยมที่กำลังถดถอยมากขึ้นไปด้วย

 

นี่จึงเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของรัฐบาลพล.อ.ปะยุทธ์ จันทร์โอชา  

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ