คอลัมนิสต์

'ไดโนเสาร์การเมือง' ควรหมดยุคได้แล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผ่านยุค คสช. 9 ปีประเทศชาติจมปลัก คอรัปชั่นมีดาษดื่น ความเป็นไทยที่รักสงบลดลงตามกาลเวลา แต่ผลเลือกตั้ง2566 เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส 14 ล้านเสียงเลือก 'ก้าวไกล' นำ 8 พรรคตั้งรัฐบาล ถึงเวลา 'ไดโนเสาร์การเมือง' ควรหมดยุคได้แล้ว

ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศในวันที่14 พฤษภาคม 2566 เชื่อว่าหลังจากได้เห็นการรณรงค์หาเสียงของพรรคใหญ่และกลางตั้งแต่ออกไปหาผู้มาลงเลือกตั้งของพรรคตน มีแต่ข่าวการซื้อตัวกันด้วยเงินก้อนโตมากๆ จนถึงการรณรงค์หาเสียงด้วยการหว่านกล้วยให้ผู้คนไปฟังคนระดับหัวหน้าพรรคที่ออกไปหาเสียงตามต่างจังหวัด เป็นต้น 

พฤติกรรมของการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองดูยิ่งน่าอดสูมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาเสียอีก เห็นอย่างนี้แล้วเชื่อว่าคนไทยผู้รักชาติคนไทยที่อยากเห็นการเมืองสมัยใหม่ คนไทยที่คาดหวังว่าการเมืองบ้านเรา จะสามารถนําพาประชาชนและประเทศชาติเดินหน้าแข่งกับต่างประเทศได้อย่างสง่างามต่างก็ต้องถอนหายใจ เกิดความรู้สึกท้อแท้ และเกิดอาการเวทนากับการเมืองของประเทศของตนเองยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาซึ่งก็ทราบดีว่ากกต. ผู้กํากับดูแลได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาดีและผู้มาใช้สิทธิ์สามารถมองเห็นความโปร่งใสได้ชัดมากกว่าเดิม แม้จะมีการวิจารณ์ในทางที่น่าสงสัยกันบ้าง แต่ผลที่ออกมาแทบไม่มีข้อตําหนิและด่างพร้อย 

 

ยิ่งกว่านั้น เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่าาประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่มีจํานวน 39.29 ล้านคน ได้ออกมาใช้สิทธิ์ถึง 75.20 % ก็เป็นที่น่ายินดีที่เห็นคนไทยตื่นตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำคาราวานรถแห่ขอบคุณทุกคะแนนเสียง

ลึกลงไปกว่านั้น เมื่อมีข่าวการวิเคราะห์เปิดเผยออกมาว่านักการเมืองเก่าที่มีทั้งเงิน และชื่อเสียงที่เรียกขานกันว่า ‘บ้านใหญ’ ในเขตต่างๆ ทั่วประเทศล้วนสอบตกยกแผงกันเต็มไปหมด พรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก แทบจะไม่เห็นพรรคไหนสามารถรักษาจํานวนและตัวตนของสมาชิกผู้สมัครรับเลือกตั้งในพรรคไว้ได้ ที่ร้ายหนักพรรคฝ่ายรัฐบาลต่างตกเหว มีบาดแผลเหวอะหวะไปหมด ส่วนพรรคที่ใช้ทุนทรัพย์น้อยที่ประสบความสําเร็จเกินเป้าจนเป็นผู้นําในการ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ในขณะนี้กลับกลายเป็นพรรคใหม่ที่ชื่อ ‘ก้าวไกล’ ซึ่งเป็นพรรคที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งอ่อนพรรษาที่สุด และอายุเฉลี่ยน้อยสุดในบรรดาพรรคใหญ่ทั้งหลาย 

 

นี่กําลังเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ประเทศที่ประชาชนในชาติแทบจะหมดความเชื่อถือศรัทธาในการเมือง ของประเทศอยู่แล้วกลับพลิกผันได้ขนาดนี้ นึกถึงตัวช่วยไม่ออก นอกจากพระสยามเทวาธิราชเท่านั้น

 

ผ่านยุค คสช. มาแล้ว 9 ปี ประเทศชาติจมปลักลงไปแค่ไหน นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีการปฏิวัติโดยทหาร ที่โผล่ขึ้นมาตามการเรียกร้องของกบเลือกนาย ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาว ตีฆ้องลั่นกลองรบเหมือนการออกตัวก่อนเลือกตั้งของพรรคที่ไม่ชอบเผด็จการมากพรรคหนึ่ง

 

แต่ ณ วันนี้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นอะไรเกิดขึ้นบ้าง ของเลวหรือโรคร้ายของประเทศที่มีอยู่แล้ว เช่น การคอรัปชั่นยิ่งมีดาษดื่นขึ้นไปอีก ลุกลามไปถึงบางสถาบันที่ไม่ควรจะมียาเสพติดซื้อง่ายขายคล่องกว่าแต่ก่อน ธรรมาภิบาลในภาครัฐมีอยู่ริบหรี่เต็มที และอีกมากมายหลายเรื่องที่เห็นๆ กันอยู่ว่าเสื่อมโทรมลง ความเป็นไทยที่รักสงบของเราลดน้อยลงไปเรื่อยตามกาลเวลา 9 ปีที่ผ่านไป

 

การเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสจากการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ผลการเลือกตั้งที่ช็อคคนทุกวงการทั้งประเทศ โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นเก่าๆ ที่ยึดโยงพื้นที่เข้าสู่การเมืองซํ้าแล้วซํ้าเล่า รวมถึงนักการเมือง 2 บ้านใหญ่ทั้งหลาย และนักการเมืองที่มุ่งแต่หาเงินของหลายพรรค คราวนี้คนรุ่นใหม่คงคิดได้และเห็นว่าพอกันที เถอะลุง เพราะเส้นทางเดินของประเทศชาติได้ถูกปรับเปลี่ยนแล้ว ณ บัดนี้

 

อย่างไรก็ตาม หนทางของ ‘พรรคก้าวไกล’ ในการ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ใช่ว่าจะโรยด้วยดอกกุหลาบ เพราะผู้ที่เสวยสุขกับการรับใช้นักรัฐประหารมายาวนานยังมีอยู่ในสถานที่อันทรงเกียรติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องแสดงอารมณ์ แบบผู้หลงอยู่ในอํานาจมานานตามที่เราได้เห็น แต่ก็ยังพอมีผู้ที่มีอํานาจจากการแต่งตั้งเหล่านั้น มีความคิดความอ่านอยากเห็นการก้าวเดินของการเมืองไทยตามที่เขาปฏิบัติกันในอารยประเทศ และเป็นผู้ที่รู้จัก และเข้าใจในคุณค่าของเสียงของประชาชนในระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หวังว่าเขาเหล่านั้นคงไม่อยากทํา ตัวเป็นไดโนเสาร์ชุดสุดท้ายให้เยาวชนไทยได้เห็นเป็นแน่

 

หากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ‘ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่’ ของประเทศไทยที่พรรคได้ คะแนนเสียงถึง 14 ล้านคน จากผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ที่สูงถึง 75.20 % สามารถผ่านกระบวนการที่อํานาจเผด็จการได้สร้างไว้ได้ ผมก็เชื่อว่าความคิดความอ่านที่ดี บวกกับความรู้ ความสามารถของหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่มากพอตัว ก็น้าจะพร้อมในการเป็นผู้นําประเทศที่จะทําให้คนไทยตื่นตัวมีชีวิตชีวาไม่ห่อเหี่ยวเหมือนที่ผ่านมาได้ ไม่ว่าในเรื่องทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาล


ในส่วนของตัวพรรคก้าวไกลที่สําคัญพอๆ กับผู้นําพรรค ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพรรคที่ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่นที่รู้เห็นกันอยู่ เห็นได้ชัดว่ากระแสการต้อนรับของประชาชนหนาแน่นทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ผมเชื่อว่า พรรคที่ได้คะแนนที่บริสุทธิ์มาเท่านั้นที่จะมีหัวจิตหัวใจเข้าไปแก้ไขปัญหารากเหง้าของประเทศได้ไม่ว่าจะเป็นการแก้คอรัปชั่น หรือแก้ความเหลื่อมลํ้าของผู้คน การปฏิรูปตํารวจ ทหาร ข้าราชการ ที่เป็นตัวจักรกลในการบริหารประเทศ และรวมถึงปัญหาแรงงาน

 

การแก้คอรัปชั่นนั้นเป็นเรื่องที่พูดมาทุกรัฐบาล ชุดก่อนที่ผู้นําอยู่มากว่า 8 ปีก็ระบุในนโยบายชัดว่าจะแก้ แต่ยิ่งอยู่นานกลับปล่อยให้คอรัปชั่นบานสะพรั่ง ส่วนรัฐบาลที่จะนําโดยพรรคก้าวไกลนี้ได้แถลงใน MOU ชัดว่าเจ้ากระทรวงไหนคอรัปชั่นขอให้ออกไป คือจะตัดคอไม่ให้หัวได้ส่ายเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา นับว่าเป็นนโยบายที่ดี และเด็ดขาดมากขออย่างเดียวอย่าให้ลูบหน้าปะจมูกหรือเกรงใจตามธรรมเนียมไทยก็แล้วกัน

 

จากการติดตามข่าวได้เห็นการแสดงความคิดของ ‘ว่าที่นายกรัฐมนตรี’ หลายเรื่อง ล้วนแต่จะนําไปสู่การบริหารประเทศให้ดีได้ทั้งนั้น ผู้นําที่ไม่กร่างแต่มีความมั่นใจสูง มีความคิดที่สามารถรู้ว่าสิ่งใดต้องทําก่อนทําหลัง เป็นผู้ที่เข้าใจดีว่าการเมืองมีมิติมาก และรู้ว่าการคิดและการกระทําเรื่องต่างๆ ต้องให้เขาหาจุดสมดุล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ของผู้นําจะทําให้สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูงขึ้นได้มาก

 

จากผลการเลือกตั้งที่มีพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำ และตามติดๆ ด้วยพรรคเพื่อไทยที่เคยมีประสพการณ์การบริหารประเทศล้มลุกคลุกคลานมาแล้วเข้ามาร่วมทีมเพื่อเปลี่ยนประเทศในครั้งนี้  ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง แม้จะมีข้อวิจารณ์แสดงความคิดเห็นต่างๆ นานาของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นเรื่องปกติสื่อสังคมไทยในปัจจุบันที่อยู่บนพื้นฐานความแตกแยก แต่คนไทยที่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศตนเองอย่างดีจะปรับตัวเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสตามความต้องการของผู้ลงคะแนนเลือกตั้งส่วนใหญ่ของประเทศได้ในที่สุด

                                                                  

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ