หนึ่งในโรคทางตาที่ไม่มีสัญญาณเตือนแต่มีความอันตรายถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น นั่นคือโรคต้อหิน เพราะเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการล่วงหน้า ในระยะเริ่มต้นและแม้กระทั่งในระยะลุกลามของโรคที่ผู้ป่วย เริ่มสูญเสียการมองเห็นโดยรอบ ก็อาจลุกลามไปโดยไม่ทันได้สังเกต จึงเป็นโรคที่ควรให้ความสำคัญ เพราะสามารถเกิดได้กับทุกคน
พญ.ชมพูนุท ภูมิรัตนประพิณ จักษุแพทย์เฉพาะทางโรคต้อหิน ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า เนื่องจากโรคต้อหินส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณเตือนหรือการแสดงอาการของโรค จนผู้ป่วยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของสายตา เมื่อสังเกตเห็นจุดบอดในการมองภาพด้านข้าง จึงอาจทำให้มาพบจักษุแพทย์ ไม่ทันการและสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด
สาเหตุของโรคต้อหินส่วนมากเกิดจากความดันลูกตาที่สูง ทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย และเกิดจากการระบายน้ำออกของลูกตามีการอุดตันและเสื่อมสภาพ เกิดการระบายน้ำออกจากลูกตาได้ ไม่ดีพอ โรคต้อหินพบได้มากในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ในเด็กและวัยรุ่นก็สามารถเป็นโรคต้อหินได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเนื่องในสัปดาห์ต้อหินโลกที่จัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี อยากให้ทุกคนใส่ใจรู้เท่าทันโรคต้อหิน ที่สำคัญควรหมั่นตรวจเช็คโรคต้อหินกับจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้รับมือได้ทันท่วงที
สำหรับผู้ที่พบว่าเป็นโรคต้อหินแล้ว การรักษาก็สามารถทำได้หลายวิธีขี้นอยู่กับระดับความรุนแรง ของผู้ป่วย เบื้องต้นจักษุแพทย์จะรักษาโดยการใช้ยาหรือเลเซอร์ แต่หากไม่ได้ผลอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งเป้าหมายของการผ่าตัดคือ การลดความดันลูกตาลงเพื่อให้ตัวโรคสามารถควบคุมได้
ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคต้อหินสูง ได้แก่
- อายุมากกว่า 40 ปี
- มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคต้อหิน
- เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน
- เคยได้รับการผ่าตัดตามาก่อน
- สายตาสั้นหรือยาว
- ใช้ยาสเตียรอยด์ อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน
อาจต้องเข้ารับการตรวจบ่อยครั้งขึ้น เพื่อคัดกรองและรักษาได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบัน ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลหัวเฉียว มีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญประสบการณ์สูง ให้บริการดูแลรักษาโรคและอาการที่เกี่ยวกับดวงตา รวมถึงโรคต้อหิน ด้วยเครื่องมือทันสมัยในการตรวจวินิจฉัยและการผ่าตัดด้วยกล้อง
พญ.ชมพูนุท ภูมิรัตนประพิณ
กล้องจุลทรรศน์ตรวจตากำลังขยายสูง (Slit lamp) เพื่อตรวจประเมินภาวะต้อหิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง