มองผ่านเลนส์คม / นันทพร ไวศยะสุวรรณ์

มองผ่านเลนส์คม / นันทพร ไวศยะสุวรรณ์ วันก่อนเกิดปรากฏการณ์ "ดาวเคียงเดือน" ดาวพฤหัสและดาวศุกร์โคจรมาใกล้กัน เหมือนดวงตาเล็กๆ ด้านล่างมีพระจันทร์ยิ้มน้อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะน่ารักน่าชังเสียนี่กระไร คืนนั้นภาพตัดสลับมาที่เวทีม็อบเสื้อแดง-เสื้อเหลือง ทั้งสองฝ่ายโห่ร้องยินดี ดั่งเป็นนิมิตหมายแห่ง "ชัยชนะ"! อมขำไม่ได้ เข้าข้างตัวเองทั้งคู่ ขี้ตู่จริงๆ จะว่าไป คนไทยนี่น่ารักดี ถ้าปราศจากอคติ หรือลดความรุนแรงลงบ้าง บ้านเมืองคงมีแต่รอยยิ้ม...อย่างที่ขึ้นชื่อว่ายิ้มสยามไง หลายเดือนที่ผ่านมา เหมือนอยู่ในม่านหมอก ความรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ใจจากเหตุการณ์บ้านเมือง ส่งผลกระทบเข้าไปในจิตใจของคนไทยทุกคน กระทั่งในที่สุดมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่ขอเป็นฝ่ายเลือกบ้าง กลุ่มคนที่ 3 บอกว่า ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีใด ชอบชังใครหรือพรรคไหน ทุกคนก็มีเลือดเนื้อของคนไทยทุกคน ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองทั้งที่ก่อตั้งมายาวนาน และน้องใหม่ถึง 3 พรรค นั่นอาจไม่ใช่นิมิตหมายที่ดี เพราะแม้ว่าม็อบจะยอมสลายตัว เปิดทางให้รันเวย์เครื่องบินขึ้นลงสะดวก ยอมคืนทำเนียบ ที่นายกฯ คนล่าสุดก็ยังไม่มีโอกาสเข้าไปนั่งเก้าอี้อันทรงเกียรตินี้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เกมนี้จะโอเวอร์! เพราะเห็นชื่อ-ชั้นของว่าที่นายกฯ แล้ว เสียงยี้ยังก้องระงม แต่เราไม่ควรปล่อยให้ใครมาสร้างความแตกแยก และแตกร้าวให้แก่บ้านเมืองของเราอีกต่อไป การเฝ้าระวัง และรู้เท่าทันสิ่งที่จะเกิดขึ้น คิดว่าคงไม่มีใครกล้าทำร้าย "เรา" อีกแล้ว ด้วยผลที่เกิดขึ้น ไม่ว่าคนตกงาน นักท่องเที่ยวลด ความเชื่อมั่นในการลงทุนไม่มี เศรษฐกิจวิกฤติ คงไม่ได้ชี้นิ้วไปที่ "ม็อบ" แน่ เพราะนี่อาจไม่ใช่เป็นจุดเริ่มต้น บทเรียนนี้ เราควรมองไปข้างหน้า ว่าจะทำอย่างไรให้การเมืองบ้านเรา เป็นการเมืองใหม่ที่สะอาด เป็นที่พึ่งพิงของคนในประเทศได้ เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันคิด และลงมือทำ อยากเห็นประเทศไทย เหมือนพระจันทร์แย้มคืนนั้นเหลือเกิน เราคงนอนหลับฝันหวานกันอย่างเป็นสุข +++++ ได้รับอีเมลจากคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย เชิญชวนให้ร่วมกันขยายผลแห่งพลังของ