วันนี้เมื่อ 47 ปีก่อน เรื่องจริงสุดเหลื่อเชื่อ สู่ภาพยนตร์สุดระทึก #วันนี้ในอดีต
***************************
คอหนังภิบัติภัยระทึกในยุคหนึ่ง ต้องเคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง Alive หรือชื่อไทยว่า แน่นอน
นั่นเพราะเรื่องนี้ไม่เพียงสนุกสนาน ลุ้น และได้รับเสียงชื่นชมล้นหลาม แต่มันยังสร้างมาจากเหตุการณ์จริงของเหตุที่เรียกส่า "ภัยพิบัติการบินแอนดีส" กับเที่ยวบิน 571 อีกด้วย ลักษณะเดียวกับภาพยนตร์นางนอน ที่เพิ่งฉายในบ้านเราไม่นานมานี้ ก็สร้างจากเรื่องจริงของปฏิบัติการกู้ภัยถ้ำหลวงของเลหล่าฮีโร่นักดำน้ำ
โดยเฉพาะสำหรับเรื่อง Alive คนที่เคยดูต้องไม่ลืมฉากจบอันสุดประทับใจ (ใครยังไม่เคยดูต้องทำใจเพราะเรื่องนี้สปอยล์ไม่เหลือแล้ว) ที่ผู้รอดชีวิตทั้ง 16 คน ได้รับการช่วยเหลือจากทางการ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2515 หรือวันนี้เมื่อ 47 ปีก่อน
ความอัศจรรย์ของเรื่องนี้คือ พวกเขาทั้ง 16 คน นั้น ได้รับการช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ หลังจากพวกเขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดบนเทือกเขาแอนดีสที่หนาวเหน็บเป็นเวลาถึง 72 วัน หรือสามเดือนเศษ!!!
ถามว่าพวกเขารอดมาได้อย่างไร บอกเลยสยดสยองและน่าเห็นใจไปในคราวเดียว วันนี้ในอดีตขอทวนความจำอีกครั้ง
จุดตัดชีวิต
วันที่ 12 ตุลาคม 2515 กองทัพอากาศอุรุกวัย เที่ยวบินที่ 571 เป็นเหตุการณ์เครื่องบินเช่าเหมาลำ แฟร์ไชลด์ FH-227D ของกองทัพอากาศอุรุกวัย มีผู้โดยสาร 45 คน เป็นนักกีฬารักบี้และครอบครัว
เพื่อนำนักรักบี้ทีมโอลด์คริสเตียนส์ของมหาวัทยาลัยสเตลล่ามาริสกลุ่มนี้ไปแข่งนัดกระชับมิตร
เมื่อเครื่องบินออกจากท่าอากาศยานคาร์ราสโก มอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย เพื่อไปแข่งขันที่ซานติอาโก ประเทศชิลี แต่แล้วด้วยสภาพอากาศเลวร้าย เครื่องจึงต้องแวะพักที่เมืองเมนโดซา ประเทศอาร์เจนตินา
จากนั้นขึ้นบินในวันถัดมา คือ 13 ตุลาคม โดยไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นการเดินทางที่พาพวกเขาไปสู่จุดตัดชีวิตที่คร่าชีวิต เพื่อนร่วมทางไปจำนวนมาก
สำหรับเหตุเลวร้ายนั้น เกิดขึ้นเมื่อเครื่องทำการบินอ้อมเทือกเขาแอนดีส ระหว่างบินผ่านช่องเขาบริเวณชายแดนอาร์เจนตินาและชิลี เวลาราว 15.30 น. ด้วยสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงจนเครื่องพยุงตัวไม่ได้ นักบินจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินที่ยอดเขาแห่งหนึ่งบนเทือกเขาแอนดีส
แต่เหตุการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด ตัวเครื่องกระแทกพื้นอย่างแรงจนปีกและท้ายหัก ผู้โดยสารหลายคนกระเด็นออกไปตายนอกเครื่อง บางคนตายเพราะการกระแทก รวมแล้วตายทันที 12 ศพ และเสียชีวิตเพิ่มอีก 5 คนในวันรุ่งขึ้น
จุดรอดชีวิต
ผู้รอดชีวิตที่เหลือราว 28 คน พูดได้ว่าต้องทรมานกับสภาพอุณหภูมิเย็นจัด และอากาศเบาบาง โดยไม่มีเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เวชภัณฑ์ และเสบียงอาหาร อยู่บนความสูง 10,300 ฟุตซึ่งมีหิมะหนาถึง 15 เมตร
ช่วงแรก พวกเขาก็ประทังชีวิตด้วยช็อกโกแล็ตที่หลงเหลืออยู่บ้าง และกินน้ำจากหิมะที่ละลาย แต่ด้วยสภาพที่เลวร้ายจึงทำให้ทยอยตายลงไปทีละคน ศพถูกขนไปฝังไว้ใต้กองหิมะ
ภาพจากภาพยนตร์ Alive
แต่แล้วเมื่อคืนวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ความหิวเริ่มทำความทุกข์มันทรมานยิ่งกว่าความหนาว พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะกินเนื้อศพที่ฝังไว้เพื่อประทังชีวิต
แน่นอน ช่วงแรกหลายคนยังนับไม่ได้ แต่ที่สุดทุกคนก็ไม่สามารถทนความหิวโหยได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจนำเนื้อจากซากศพมากิน จนร่างกายค่อยๆ ชินดีบรสชาติ ศพค่อยๆ ถูกขุดขึ้นมาทีละร่าง เพื่อความอยู่รอด
แน่นอน การประทังชีวิตด้วยเนื้อมนุษย์ คงไม่สามารถดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายแบบนี้ ที่สุดหลังผ่านไปถึง 4 อาทิตย์หลังเกิดเหตุ พวกเขาตัดสินใจส่งตัวแทน 3 คนที่ยังพอมีแรงเดินลงเขาไปขอความช่วยเหลือ แต่รอบแรกไม่สำเร็จ 2 วันหลังจากนั้นก็กลับมาที่ซากเครื่องอย่างสิ้นหวัง
จุดที่ไม่ยอมแพ้
เวลาผ่านไปจนเข้าอาทิตย์ที่ 7 วันที่ 16 ธันวาคม 2515 ตัวแทนอีก 2 คน (คาเนสซ่าและปาร์ราโด้) ได้อาสาเดินลงเขาไปอีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ
ปาร์ราโด้ และ คาเนสซ่า (นั่ง)
ที่สุด หลังการเดินทาง 10 วัน ความหวังที่จะไม่ต้องตายอยู่บนเทือกเขาอันหนาวเหนบก็คืบคลานเข้ามา เมื่อพกเขาได้พบพื้นที่ปศุศัตว์และวัวตัวหนึ่ง จนกระทั่งเขาก็ได้พบชาวนาอยู่ทางฝั่งแม่น้ำตรงข้าม
และได้นำความช่วยเหลือมาสู่ 16 ผู้รอดชีวิตในที่สุด รวมเวลาตั้งแต่เครื่องตกจนถึงวันที่ได้รับคยวามช่วยเหลือทั้งสิ้น 72 วันเต็มๆ!
ด้วยความสุดเชื่อ เรื่องนี้ในปี 2536 แฟรงค์ มาแชล ได้หยิบเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ Alive: The Miracle of the Andes นำแสดงโดย อีธาน ฮอว์ก และจอห์น มาโควิช
โดยเหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักในอเมริกาใต้ในชื่อว่า ปาฏิหาริย์แห่งแอนดีส
*******************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง