วันนี้ในอดีต

16 ธ.ค.1248 ปิดตำนานนางสนมปลายแถว สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้ในอดีต 16 ธ.ค.1248 ปิดตำนานนางสนมปลายแถว สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

 

 

*****************************

 

เอ่ยชื่อ พระนางบูเช็คเทียน คนไทยไม่น้อยอาจคิดว่านี่คือเรื่องราวของสตรีที่กลายมาเป็นกษัตริย์ซึ่งแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ดังจะเห็นว่ามีภาพยนตร์ ละคร เกี่ยวกับเรื่องราวของพระนางมากมาย

 

แต่รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว สตรีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของชนชาติจีน แดนมังกร และวันนี้เมื่อ ปีก่อน ตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม 1248 พระนางบูเช็กเทียน หรือ อู่เจ๋อเทียน ได้สรรคต ขณะมีพระชนมายุ 81 พรรษา

 

วันนี้ในอดีต มาย้อนประวัติเรื่องราวของพระนางกัน

 

 

 

16 ธ.ค.1248  ปิดตำนานนางสนมปลายแถว  สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

 

 

 

คุณหนูตระกูลพ่อค้า

 

พระนางบูเช็กเทียน ทรงมีพระนามเดิมว่า อู่เจ้า ต่อมาจักรพรรดิไท่จงทรงพระราชทานพระนามให้แก่พระนางบูเช็กเทียนว่า “เม่ย” มีความหมายว่า “น่ารัก” ทำให้ในปัจจุบัน ประชาชนจีนมักเอ่ยพระนามของพระองค์ว่า อู่เหม่ย หรืออู่เหม่ยเนียง มีความหมายตามตัวอักษรว่า สตรีแซ่อู่ที่มีเสน่ห์

 

พระนางทรงประสูติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1167 ใน "ตระกูลอู่" ซึ่งมีต้นกำเนิดในเมืองเหวินสุ่ย มณฑลปิ้งโจว ปัจจุบันคือ ตำบลเหวินสุ่ยในมณฑลซานซี พระนางบูเช็กเทียนเกิดในเมืองลี่โจว ปัจจุบันคือ เมืองก่วงหยวน ในมณฑลเสฉวน หากแต่บางแหล่งข้อมูลระบุว่า พระนางอาจจะกำเนิดที่เมืองฉางอาน ปัจจุบันคือเมืองซีอานในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิถังเกาจู่

 

บิดาของพระนางคือ อู่ ซึ่อฮั่ว มีอาชีพเกี่ยวกับการค้าไม้ แต่ก็ค่อนข้างมีฐานะ ส่วนมารดาของพระนางนั้นมาจากตระกูลหยางซึ่งเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากในสมัยนั้น

 

ตามพระประวัติเล่าว่า พระนางบูเช็กเทียนประสูติในปีที่ 7 แห่งรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิถังเกาจู่ โดยปีนั้นเป็นปีที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง สามารถมองเห็นได้ในประเทศจีน

 

ในช่วงปีสุดท้ายของรัชสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิสุยหยาง นั้น “หลี่หยวน” แม่ทัพขุนนางในราชวงศ์สุย (ซึ่งภายหลังกลายเป็นจักรพรรดิถังเกาจู่แห่งราชวงศ์ถัง) ได้เข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลอู่ หลายครั้งจนมีความสนิทสนมกับครอบครัวนี้

 

จนที่สุดเมื่อหลี่หยวนล้มล้างอำนาจของจักรพรรดิสุยหยางได้แล้ว เขาได้ตอบแทนครอบครัวอู่ด้วยเงินทอง เมล็ดพันธุ์พืช ที่ดิน และแพรพรรณเนื้อดีต่างๆ เป็นอันมาก

 

 

คุณหนูเสนาบดีเข้าวัง

 

จนเมื่อสถาปนาราชวงศ์ถังสำเร็จ อู่ซี่อฮั่ว บิดาของพระนางบูเช็กเทียน ได้รับตำแหน่งเสนาบดีอาวุโส และเจ้าครองเมืองหยางโจว ลี่โจว และจิงโจว ปัจจุบันคือ เขตเจียงหลิง ในมณฑลหูเป่ย์

 

ต่อมาสมเด็จพระจักรพรรดิเกาจู่ได้สละราชสมบัติ พระราชโอรสของพระองค์ คือ เจ้าชายหลี่ซื่อหมิน จึงขึ้นครองราชย์ต่อเป็น “สมเด็จพระจักรพรรดิถังไท่จง” นั่นเอง

 

 

16 ธ.ค.1248  ปิดตำนานนางสนมปลายแถว  สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

สมเด็จพระจักรพรรดิถังไท่จง

 

 

 

แน่นอน เวลานั้นพระนางบูเช็คเทียนเติบโตเป็นสาวแรกรุ่นวัย 14 ปี กิตติศัพท์ความงามของนางก็เลื่องลือไปทั่วแว่นแคว้น จนความทราบไปถึงพระกรรณพระเจ้าถังไท่จง พระองค์จึงทรงมีดำรัสตรัสสั่งให้นำนางเข้าวังมาถวายตัวเป็นนางสนมในราชสำนัก โดยอยู่ในรุ่นเล็ก ทั้งนี้มีข้อมูลว่า แต่ก่อนระดับของนางสนมนั้นมีลดหลั่นกันถึง 9 ชั้น โดยพระนางเป็นนางสนมชั้นที่ 5

 

แต่ด้วยความงาม ปรากฏว่าได้ไปเข้าพระเนตรของ “องค์ชายไทจือ” ผู้ทรงเป็นรัชทายาด้วยทั้งๆ ที่พระองค์มีมเหสีอยู่แล้ว ว่ากันว่า พระนางบูเช็กเทียนได้ลอบมีความสัมพันธ์กับองค์ชายอยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่งเมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ ทุกสิ่งจึงตกเป็นขององค์รัชทายาท

 

กล่าวคือ ไม่เพียงองค์ชายไทจือจะขึ้นครองราชย์เป็น “พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้” สืบต่อราชบัลลังก์ แต่ยังทรงจัดการให้พระนางบูเช็กเทียน ซึ่งเวลานั้นกำลังบวช กลับมาเป็นสนมเอกของพระองค์อย่างเปิดเผยได้สมความปรารถนาอีกด้วย

 

อนึ่งที่พระนางต้องออกบวช เพราะพระนางไม่มีพระโอรสหรือธิดา เมื่อพระจักรพรรดิเสด็จสวรรคต สนมจึงต้องออกบวชเป็นภิกษุณี ตามโบราณราชประเพณี

 

 

 

สวย ดุ โหด?

 

ที่สุดพระนางบูเช็คเทียนก็กลับเข้าวังคราวนี้พระนางได้ตำแหน่ง “เจาหยี” ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดใน 9 ชั้นของนางสนม แน่นอนสิ่งนี้ได้ทำให้พระนางมีอิทธิพลในการบริหารราชการภายในวังอย่างมาก ตลอดรัชสมัยของพระเจ้าถังเกาจง

 

 

 

16 ธ.ค.1248  ปิดตำนานนางสนมปลายแถว  สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้

 

 

 

ทั้งนี้ หากย้อนประวัติไป ที่จริงแล้วบูเช็กเทียนนั้น มิใช่เพียงลูกคุณหนูที่มีคนรับใช้ ไม่เคยต้องทำงานบ้านแต่อย่างใด หากที่จริงแล้ว พระนางได้รับการศึกษาเล่าเรียนมาอย่างดี ด้วยบิดาสนับสนุนให้เรียนหนังสือ แตกต่างบุตรีบ้านอื่นๆ พระนางบูเช็กเทียนเรียกได้ว่าเล่าเรียนมาที่ง การเมือง การปกครอง วรรณกรรมและดนตรี

 

จึงไม่แปลกที่พระนางจะมีจิตคิดอยากจะทำการใหญ่โตที่สุด หลังจากนั้น พระนางก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ 

 

กล่าวคือ ดราม่าในวังระหว่างนั้น คือการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทของพระโอรสของบรรดานางสนม เพราะจักรพรรดินีหวังทรงไม่มีพระโอรส

 

ปรากฏว่าพระนางบูเช็กเทียน ก็ให้กำเนิดพระโอรสสองพระองค์ตามลำดับ คือ เจ้าชายหลี่หง และเจ้าชายหลี่เสียน จากนั้นจึงได้กำเนินธิดาอีกพระองค์หนึ่ง

 

ประวัติเล่าว่าเพื่อให้ได้เป็นใหญ่ตามเป้าหมาย พระนางถึงกับต้องฆ่าธิดาของพระนางเอก แล้วป้ายความผิดไปให้ฮองเฮา หรือ จักรพรรดินีหวังนั้นเอง

 

 

 

ขึ้นสู่ฮองเฮา

 

แน่นอน นี่คือการแลกที่สุดเหี้ยม และก็ทำให้ฮ่องเต้เชื่อสนิทใจ จึงทรงสั่งถอดถอนฮองเฮาหวังออกจากตำแหน่งทันที ก่อนจะนำไปคุมขังไว้ในตำหนักเย็นอันเป็นเสมือนคุกดีๆ นี่เอง

 

ไม่นานบูเช็คเทียน ก็ดิ้นรนทุกวถีทาง ทั้งคบคิดกับกลุ่มเสนาบดี จนมีการหนุนหลังให้ได้ขึ้นเป็นใหญ่ พระเจ้าถังเกาจงได้แต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา นี่จึงนับว่าพระนางบูเช็กเทียนนั้นได้ก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ

 

แต่ว่าพระนางไม่หยุดแค่นั้น ยังคงเดินหน้าต่อไปในเส้นทางสู่อำนาจสูงสุด ใช่แล้วนั่นคือการเป็นฮ่องเต้เสียเอง

 

จนเมื่อพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี เริ่มอ่อนแอ และประชวรบ่อยๆ พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร (ม่าน) ยาวนานนับ 20 ปี

 

อย่างที่รู้ พระนางมีความรู้เรื่องในการปกครอง จนภายหลังมีการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบเข้า ขุนนางของพระนางจึงมีความสามารถมากมายและเป็นขุมกำลังไพร่พลอย่างดี

 

ระหว่างนั้น พระนางก็ทยอบกำจัดเสี้ยนหนามของพระนางไปเรื่อยๆ เช่น ขุนนางที่กระด้างกระเดื่อง ขวางหูขวางตา แม้แต่พี่สาวของพระนางที่เข้ามาเป็นสนมอีกคน พระนางก็วางยาพิษจนสิ้นชีพ

 

ที่สำคัญคือ พระนางยังทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย

 

 

 

รวบบัลลังก์มังกร

 

ต่อมาพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ลง ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจงกับพระนางบูเช็กเทียน ก็ทรงขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อ ทรงพระนามว่า “พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้"

 

 

16 ธ.ค.1248  ปิดตำนานนางสนมปลายแถว  สู่จักรพรรดินีแดนมังกร

พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้

 

 

 

เวลานั้น บูเช็กเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม ที่สุดจักรพรรดิองค์ใหม่ครองราชย์ได้ 1 ปีก็ถูกพระมารดาปลดออกและตั้งให้เป็นหลูหลิงหวัง และทรงตั้งหลี่ตั๋นพระราชอนุชาของถังจงจงขึ้นเป็นถังรุ่ยจง แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก (องค์เดียว) ของจีน เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว ปีนั้นพระนางอายุถึง 64 ชันษา

 

จนกระทั่งต่อมา หลังจากพระนางครองราชย์มาจนพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี พระโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจง ทรงกลับมากราบทูลขอบัลลังก์คืน โดยมีเสนาบดีสนับสนุน

 

บูเช็กเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ และเสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ 81 ปี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1248

 

ปล่อยบัลลังก์เลือดไว้ข้างหลัง ท่ามกลางการแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าทายาทและสนมประดามีต่อไปหลังจากนั้น

 

ปัจจุบันสุสานของพระนางนับอยู่เคียงคู่กับที่ฝังพระศพของถังเกาจงฮ่องเต้ ซึ่งแผ่นศิลาของพระนางกลับ ว่างเปล่าเพราะพระนางสั่งไว้ว่าไม่ต้องการให้จารึกอะไรไว้ทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ดี แม้พระนางจะเป็นฮ่องเต้หญิงที่โหดร้าย แต่ว่าตรงกันว่า บ้านเมืองยุคของพระนางก็สงบสุข มั่งคั่งที่สุดยุคหนึ่งก็ว่าได้

 

******************************

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ