วันนี้ในอดีต

ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้เมื่อ 7 ปีก่อน ภาพที่หลายคนบอกว่าช็อตเด็ดๆๆ

 

 

*******************************

 

 

ช่วงเวลานี้ของ 7 ปีก่อน ประเทศไทยมีวาระสำคัญระดับนานาชาติครั้งหนึ่งที่คนไทยและทั่วโลกจับตามอง

 

นั่นคือการมาเยือนของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางเยือนประเทศไทยเป็นชาติแรกในการทัวร์เอเชียหลังจากชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 และยังเนื่องในโอกาสครบรอบ 180 ปีของมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรไทย

 

สำหรับการมาเยือนไทยของผู้นำสหรัฐเวลานั้น มีกำหนดการระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2555 และมีโปรแกรมต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยไม่เคยลืมเลือน 

 

โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของ 7 ปีก่อน หรือรุ่งขึ้นหลังจากสองผู้นำพบกันคือ ระหว่างประธานาธิบดี บารัค โอบามา และผู้นำไทยตอนนั้นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สื่ออังกฤษนำภาพของทั้งคู่ไปเผยแพร่ต่อและพาดหัว จนทำเอาขาเม้าท์ชาวไทยอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างสนุกปาก

 

วันนี้ในอดีตมารำลึกความหลังกันพอหอมปากหอมคอ

 

 

 

ภารกิจประทับใจ

 

อย่างที่เกริ่นว่า สำหรับสำหรับการมาเยือนไทยของผู้นำสหรัฐเวลานั้น มีกำหนดการระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2555 และมีโปรแกรมต่างๆ มากมาย

 

โดยหลังที่ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 เครื่องบิน แอร์ฟอร์ซวัน พาประธานาธิบดี โอบามา เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ในเวลา 15:00 น. โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และคณะรองนายกรัฐมนตรี รอให้การต้อนรับ พร้อมกองทัพนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ

 

หลังออกจากสนามบินดอนเมือง โอบามาเดินทางไปวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เดินชมภายในวัดโพธิ์ พร้อมกับ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้น ซึ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยล่วงหน้า วันนั้นเอพีได้รายงานข่าวว่า

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

ภาพจาก https://www.watpho.com/th/news/detail/566

 

 

"โอบามากล่าวชื่นชมว่า วัดโพธิ์เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ แต่ก็อาจไม่เงียบสงบนักถ้าลองนึกถึงยอดผู้มาเที่ยวชมวัดแห่งนี้ที่มากถึง 80,000 คน และเขาโชคดีแล้วที่ได้มาเยี่ยมชมวัดโพธิ์เป็นการส่วนตัว"

 

ต่อมาในเวลาประมาณ 16:30 น. โอบามาและคณะเดินทางมาถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รอต้อนรับ

 

 

ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ยิ่งลักษณ์นำประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคณะ เข้าเฝ้าฯ ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 โรงพยาบาลศิริราช

 

 

 

สองผู้นำที่ไทยคู่ฟ้า

 

 

ต่อมาเวลา 18.00 น. โอบามาและคณะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมพิธีต้อนรับ โดยนายกฯ ไทย ได้นำผู้นำมะกันมาเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ที่สนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

 

ต่อมาโอบามาได้ลงนามในสมุดเยี่ยม ที่ห้องสีงาช้างด้านนอก และร่วมหารือระดับทวิภาคีที่ห้องสีงาช้างด้านใน ก่อนแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรีหลังใน

 

สำหรับในการแถลงข่าว โอบามากล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นผู้นำทางด้านสติปัญญา ความมีศักดิ์ศรี และถือเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ ขอบคุณประเทศไทยที่ร่วมมืออย่างดีในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และผู้ลี้ภัย

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

 

 

ขณะที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไทยยินดีที่โอบามาเดินทางมาเยือนไทย และเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 180 ปี ไทย-สหรัฐฯ ขอบคุณโอบามาที่ส่งเสริมประชาธิปไตยในไทย รวมถึงการมองอนาคตในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

 

จากนั้นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ซึ่งรัฐบาลได้จัดอาหารจากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล

 

โดยเป็นเมนูอาหารไทย อาทิ แกงเขียวหวานเนื้อ ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว กุ้งเผาน้ำมะขาม ส่วนขนมหวานเป็นผลไม้ไทย ลอดช่องเผือกน้ำกะทิ และในช่วงรับประทานอาหาร นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้มอบภาพถ่ายคู่ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า เป็นที่ระลึกแก่ผู้นำชาติมะกันด้วย

 

หลังร่วมงานเลี้ยงรับรองจากรัฐบาลแล้ว โอบามาก็เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงเป็นการภายในของสถานทูตสหรัฐฯ ที่ จุฬาฯ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ พบปะกับเจ้าหน้าที่สถานทูตและชาวอเมริกัน ในเวลา 21.45 น.

 

จากนั้นเข้าพักที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ก่อนออกเดินทางไปประเทศพม่า จุดหมายต่อไปในการทัวร์เอเชีย ในเช้าวันที่ 19 พ.ย.

 

 

ภารกิจเม้าท์มอย

 

 

น่าแปลกใจที่เนื้อหาสาระของการมาเยือนไทยเป็นที่แรก ซึ่งแม้จะมีสื่อทั้งไทยและประเทศต่างนำเสนอข่าว่ว่าการแวะเยือนไทยเป็นที่แรกของโอบามาหลังคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรนอก องค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) มายาวนาน

 

 

และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นหลังหยุดชะงักไปบ้าง หลังเหตุปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อปี 2549 รวมถึงเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วสุดในโลก

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

 

แต่ไปๆ มาๆ คนไทยและสื่ออังกฤษ อย่าง เดลี เมล กลับให้ความสำคัญและโฟกัสไปที่สายตาที่โอบามาและนายกฯ ยิ่งลักษณ์มองกันและกัน ซึ่งช่างภาพต่างประเทศสามารถจับภาพเอาไว้ได้

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

 

 

โดยรุ่งขึ้น วันที่ 19 พฤศจิกายน เดลี่ เมล นำไปแซวเล่นขำๆ ว่า ทั้งสองคนส่งสายตาหวานเยิ้มให้กันระหว่างร่วมรับประทานอาหารเย็น และว่านี่เป็น รูปแบบใหม่ของเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

 

 

วันนั้น เดลี เมลของอังกฤษเสนอข่าวโอบามาเยือนไทยพาดหัวว่า “เสน่ห์ระหว่างผู้นำ” หรือ The charmer-in-chief: Obama gets flirty as he schmoozes with Thai prime minister on first stop of historic Asia visit

 

พร้อมภาพผู้นำสหรัฐ-ยิ่งลักษณ์ พบปะกันที่นำมาประกอบนั้นมีทั้งภาพของ โอบามา และยิ่งลักษณ์ ที่กำลังหัวเราะระหว่างสนทนากัน หรือ ส่งสายตาให้แก่กันระหว่างการพบปะ

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

ภาพจาก รอยเตอร์

 

 

 

เดลีเมลระบุด้วยว่า โอบามา ใช้วิธีการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่ คือการใช้เสน่ห์ผ่านการพูดคุย หยอกล้อ กับนายกฯของไทย ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศที่บริเวณสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้าคู่กัน การแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ไปจนถึงการดินเนอร์ร่วมกัน

 

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

ภาพจาก AFP

 

 

 

ทั้งนี้ภาพดังกล่าวได้ถูกนักท่องอินเทอร์เน็ตนำไปแบ่งปันและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยเฉพาะสื่อไทย และโลกโซเชียลของไทย ที่คงไม่ต้องบรรยายก็รู้ว่าไปไกล และมโนแจ่มกันขนาดไหน ว่างานนี้โอบามากลับบ้านไปคง "หูยาน"

 

 

 ภาพตราตรึง "เสน่ห์ผู้นำ" ถึงขั้นสื่อดังอังกฤษยังเม้าท์

ภาพจาก AP

 

 

 

แต่สุดท้ายวันเวลาผันผ่าน งานมโนก็จบไป กาลเวลาก็พิสูจน์ความจริงของเรื่องราวไปเอง

 

******************************

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก yingluck shinawatra

www.watpho.com

Reuter

AFP

AP

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ