ที่นี่...ที่เดียว นายกฯขายข้าวสาร ทำได้เพื่อชาวนาไทย

 

*********************

 

เอาน่า...

 

แม้จะโดนดีดลงจากเก้าอี้นายกฯ ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2557 แต่นาทีนั้น ณวันนี้เมื่อ 3 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ก็ยังเป็นนายกฯ ไทย ในใจแฟนคลับและคนที่ยังรักกันอยู่

 

ไม่เช่นนั้น ข้าวสารที่นำไปเปิดขาย กิโลกกรัม ละ 20 บาท จำนวน 10 ตัน จะหมดอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง ราวกับจ้างหน้าม้ามาเหมาได้ยังไง 

 

วันนี้มาย้อนความทรงจำกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

 

ปรากฏการณ์ห้างแตก

 

เหตุการณ์สีสันทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 หรือวันนี้เมื่อ 3 ปีก่อน เชือว่าน่าจะยังอยู่ในความทรงจำคนไทย

 

 

 

 

กับภาพของบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาตุ้มมาโฮม มารอพบ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมงานมากมายที่ได้นัดกัน เพื่อนำข้าวสารหอมมะลิจากจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดสุรินทร์ ที่หญิงปูได้รับซื้อจากชาวนาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 รวมถึงข้าวสารที่ชาวนานำมาฝากเพื่อมาจัดจำหน่ายให้กับคนไทยในวันนั้น

 

โดยในวันนั้นมีข้าวสารมาจำหน่ายทั้งหมด 10 ตัน จำหน่ายในราคากิโลละ 20 บาท บรรจุถุงละ 5 กิโลกรัม คิดเป็น 100 บาท

 

 

 

 

คนไทยมากันเต็ม ใช่ว่าจะเจอแต่ คนดังหัวแถวอย่างสาวปุคนเดียว ยังได้เจอพลพรรคอีกมากมาย ใครเป็นไอดอลใครกันย้าง ก็ดูกันเอง ทั้งอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรค อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย, วิชาญ มีนชัยนันท์, ขัตติยา สวัสดิผล, ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต ฯลฯ

 

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนมาเข้าคิวรอซื้อข้าวจำนวนมาก และทันทีที่สาวปูมาถึง ประชาชนเห็นปุ๊บก็ส่งเสียงเกรียวกราวกรี๊ดลั่น และปรบมือส่งเสียงร้องให้กำลังใจ รุมขอถ่ายรูปและซื้อข้าวสารกันคุกคัก ห้างแทบแตก 

 

ขนาดจำกัดไม่ให้ซื้อเกิน 2 ถุง ยังหมดรวดเร็วหายวับไปกับตาภายใน 1 ชั่วโมง!

 

 

 

มาเพื่อชาวนา

 

ในวันนั้น หญิงปูได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่มารอทำข่าวถึงการจำหน่ายข้าวสารที่รับซื้อจากชาวนา เพราะต้องการช่วยเหลือเกษตรกรและคลายความเดือดร้อนให้กับชาวนาที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

 

 

 

 

วันนั้นเธอยังบอกด้วยว่าที่ทำวันนี้ ก็คือการช่วยเหลือในฐานะประชาชน ไม่มีเจตนาในการสร้างภาพ และขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจ ทั้งนี้เห็นว่าไม่ควรตั้งข้อสังเกต หรือ กล่าวหา แต่ขอให้ร่วมมือกันช่วยเหลือชาวนาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

 

 

 

 

 

และยังว่า นโยบายในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาชาวนาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แตกต่างกับนโยบายในการแก้ปัญหาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งหวังช่วยเหลือเกษตกรโดยไม่มุ่งหวังผลกำไร

 

ขณะที่การดำเนินการหลังมีหนังสือคำสั่งทางปกครองในการเรียกเก็บค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาทของกระทรวงการคลังนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทาง หลังจากที่ได้มีการทำหนังสือขอเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวไปแล้วในเบื้องต้น 

 

 

 

 

และในขณะนี้กำลังพิจารณาแนวทางดำเนินการว่าจะใช้แนวทางใด ระหว่าง การยื่นอุทธรณ์ การขอทุเลาคำสั่ง หรือการฟ้องศาลปกครอง ซึ่งหากมีความชัดเจนแล้ว จะเปิดเผยแนวทางอีกครั้ง

 

"การขายข้าวในวันนี้เป็นการแสดงน้ำใจให้ชาวนารู้ว่าในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อยากเห็นหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ตื่นตัวที่จะช่วยเหลือชาวนา ถ้าใครพร้อมและช่วยกันก็จะมีส่วนทำให้คุณภาพชีวิตชาวนาดีขึ้น ส่วนจะมีกิจกรรมขายข้าวช่วยชาวนาอีกหรือไม่นั้น คงต้องรอดูผลตอบรับและความเหมาะสม"

 

 

 

 

“แต่เบื้องต้น ขอขอบคุณพี่น้องชาวกทม.ที่ร่วมออกมาแสดงน้ำใจช่วยชาวนาเพราะวันนี้ไม่ได้ออกมาซื้อข้าวโดยคำนึงถึงราคาแต่เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าทุกคนพร้อมให้กำลังใจชาวนาไทยทุกคน"

 

"หากหลังจากนี้เห็นว่ากลไกต่างๆ ทำงานได้ดีแล้ว ตนก็เป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้นไม่ใช่จุดหลักเพราะตนไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่มาทำหน้าที่ในฐานะประชาชนที่เห็นประชาชนลำบาก และแสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน”

 

 

 

ไม่วายโดนเหน็บ

 

แต่ในสาระข่าวสารของวันเดียวกัน ก็ยังมีกระจอกข่าวไปถามไถ่คนจากฟากรัฐบาล 2 รายคนแรกคือ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า

 

 

 

 

นักการเมืองสามารถช่วยซื้อข้าวจากชาวนาได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทำได้ แต่อย่าสร้างภาพก็แล้วกัน ขอให้ซื้อจริงๆ ไม่ใช่พอนักการเมืองไปแล้ว ประชาชนจะมาซื้อคนขายก็ขนของหนีไป หมดแล้ว

 

ส่วนอีกคนคือ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขณะนั้น กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ทุกภาคส่วนพยายามช่วยเหลือชาวนา น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถทำได้และเป็นสิ่งดี รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่และเป็นการแก้แบบยั่งยืน ไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูก

 

ไม่ขอมองว่ามีเจตนาทางการเมืองหรือไม่ นักการเมืองจะทำอะไรต้องตอบสังคมให้ได้ว่ามีความตั้งใจเจตนาดี หรือเพื่อสร้างภาพ หากตั้งใจดีถือว่าเป็นกุศลแก่สังคม แต่หากมีเจตนาเป็นอย่างอื่นถือเป็นความเศร้าสลด

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ยังมีความเห็นจากคนของพรรคสีฟ้าอย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์) ที่กล่าวว่า การที่ทีมงานพรรคเพื่อไทยจัดฉากสร้างภาพให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปซื้อข้าวจากชาวนา ถือว่าพลาดมาก

 

เพราะนโยบายพรรคเพื่อไทยคือรับซื้อข้าวเปลือก แต่กลายเป็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปซื้อข้าวสาร จึงเข้าทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการให้ชาวนาขายข้าวสาร เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังสนับสนุนซื้อข้าวสาร แสดงว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว (ข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/774287)

 

 

 

เดินหน้าต่อ

 

แม้จะโดนเหน็บ แต่สาวปูก็เดินหน้าต่อ โดยวันที่ 10 พฤศจิกายน เธอได้โพสต์ขอบคุณสำหรับจิตอาสาและชาวนาจา กจ.พิษณุโลก ที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาช่วยในการบรรจุข้าวใส่ถุงเพื่อเตรียมขายในวันต่อไป

 

เธอบอกว่า การช่วยชาวนาขายข้าวครั้งนี้ ดิฉันขออนุญาตไปจัดรอบนอกกรุงเทพฯ บ้างนะคะ เพราะคราวที่แล้วได้จัดในกรุงเทพฯไปแล้ว

 

 

 

 

เพื่อเป็นการให้กำลังใจช่วยชาวนาขายข้าวสารหอมมะลิ กก.ละ20 บาท ดิฉันจึงอยากจะขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจ.สมุทรปราการและแฟนเพจ มาร่วมกันซื้อข้าวจากชาวนาในวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2559 เวลา 16.00 น. ที่หน้าห้างอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง จ.สมุทรปราการ

 

 

 

 

"อย่าลืมไปช่วยกันอุดหนุนชาวนากันมากๆนะคะ แล้วพบกันค่ะ"

 

ภาพของผู้นำ ที่ออกมาขายข้าวเพื่อช่วยชาวนา น่าจะนับเป็นครั้งแรก ที่เดียวที่เคยเกิดในโลก แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายเหตุการณ์เรื่อง “ข้าวๆ” นี่แหละที่ทำให้หญิงปูต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนตอนนี้

 

 

**********************

 

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra