วันนี้ในอดีต

"สิงห์จอมโว" ประกาศแขวนนวม ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้ในอดีต 27 มิถุนายน 2562

 

*******************

          พูดถึงเจ้าของฉายา “สิงห์จอมโว” ในวงการหมัดมวย บอกไว้ก่อนไม่ใช่ สมรักษ์ คำสิงห์ เจ้าของวลี “ไม่ได้โม้!!”

 

          แต่หมายถึง "มูฮัมหมัด อาลี“ ผู้ที่ยังเป็นเจ้าของอีกฉายาหนึ่ง ที่ว่า ”Black Superman“ ส่วนสิงห์จอมโวนั้น ภาษาฝรั่งเรียก ”The Greatest" 

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

 

          จะว่าไป ความสามารถของอาลี ก็สมน้ำสมเนื้อมากพอที่เขาจะโวไปได้ตลอดช่วงชีวิตของมวลมนุษยชาติ แม้ว่าเขาจะลาโลกไปแล้วช่วง 3 ปีก่อน 

 

          อย่างไรก็ดี ช่วงหนึ่งของอาลี นับว่าน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตรงกับที่ 27 มิถุนายน 2522 ก็คือวันที่ มูฮัมหมัด อาลี ประกาศเลิกชก แต่จริงๆ แล้ว เขากลับยังมีการชกอีกหลังจากนั้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

 

 

เริ่มต้นที่ เคสเซียส เคลย์

 

          ก่อนจะมาเป็น มูฮัมหมัด อาลี ผู้โด่งดังทะลุโลก เขาคือ “เคสเซียส มาเซลลัส เคลย์ จูเนียร์” หรือเคสเซียส เคลย์ ชื่อโดยกำเนิด

 

          เคสเซียส เคลย์เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2485 ที่หลุยส์วิลล์, รัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา และขึ้นชกมวยครั้งแรกเมื่ออายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

 

          เขามีครูฝึกเป็นตำรวจเชื้อสายไอริชชื่อ “โจ มาร์ติน” จุดมุ่งหมายที่วางไว้ไม่ได้ไกลไปกว่า ฝึกไว้ให้อาลีใช้เป็นทักษะการต่อสู้เพื่อปกป้องจักรยานราคา 60 ดอลลาร์ของตนจากเด็กละแวกบ้านเดียวกัน

 

          แต่อาลี ถูกลิขิตให้ไปไกลกว่านั้น เขาสามารถพัฒนาฝีมือการชกขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งคว้าแชมป์มวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทของเมืองหลุยส์วิลล์ได้

 

          แถมจากนั้นได้ครองแชมป์ระดับภูมิภาคของชิคาโก ได้แชมป์มวยสากลสมัครเล่นแห่งชาติ และประสบความสำเร็จสูงสุดจากการได้เหรียญทองในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ในการแข่งขันโอลิมปิคที่กรุงโรมประเทศอิตาลี

 

          ที่สุด อาลีก็เข้าสู่เส้นทางมวยอาชีพ โดยขึ้นชกมวยอาชีพครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2503 โดยมีแองเจโล่ ดันดี เทรนเนอร์ชื่อดังระดับโลกเป็นผู้ฝึกสอน

 

          อาลีแม้จะเป็นมวยรุ่นใหญ่ แต่สามารถเต้นฟุตเวิร์กได้ตลอดเวลา พูดได้ว่ามีลีลาพริ้วไหวเหมือนมวยรุ่นเล็ก ส่วนหมัดนะหรือ ทั้งหนักหน่วงและคมกริบ

 

          ช่วงนั้นเลยมีการให้นิยามอาลีว่า “โบยบินเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง” (Float like a Butterfly, Sting Like a Bee)

 

          อาลีขึ้นชิงแชมป์โลกครั้งแรกกับ “ซอนนี่ ลิสตัน” เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2507 วันนั้นเขาประกาศศักดาเอาชนะน็อกลิสตันไปได้ในยกแรก

 

          ทำเอาผู้ชมคนอ้าปากค้างกันทั้งฮอลล์ เพราะที่จริงแล้วอีกฝ่ายนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็น “จอมโหด” คนหนึ่ง

 

          ช่วงนั้นมีคนทำภาพล้อเลียน อาลียืนตระหง่านอยู่เหนือร่างของซอนนี่ ลิสตัน พร้อมตะโกนท้าทายให้ลิสตันลุกขึ้นมาสู้ต่อ

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

ภาพล้อเลียน ที่มีคนปรินท์จากต้นฉบับมาแปะไว้ข้างถนน (วิกิพีเดีย)

 

++จอมคนโลกตะลึง

 

          ต้องบอกว่าอาลี นับเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง ไม่ว่าเขาทำอะไร จะต้องกลายเป็นที่กล่าวถึง 

 

          ก่อนหน้านั้น อเมริกาเรื่องสีผิวยังมีอยู่ และอาลีก็ไม่ได้รับการยกเว้นเสมอไป แม้เขาจะอยู่ในสถานะวีรบุรุษก็ตาม

 

          ครั้งหนึ่งเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งเพื่อที่จะเฉลิมฉลองเหรียญรางวัล เพราะร้านมีข้อกำหนดว่าบริการเฉพาะคนขาวเท่านั้น

 

          วันนั้นอาลี ทำเอาโลกตะลึงด้วยการเขวี้ยงเหรียญทิ้งลงแม่น้ำโอไฮโอ จนอีกหลายปีต่อมาในโอลิมปิคที่แอตแลนต้า ทางคณะกรรมการโอลิมปิคสากลได้มอบเหรียญรางวัลใหม่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่เขาอยู่ดี

 

          ต่อมา ช่วงปี 2509 อาลีได้รับหมายเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม แถมยังถูกจัดให้อยู่ในประเภท A-1 (ดีเยี่ยม) โดยทางการระบุว่าตำแหน่งของเขาจะอยู่ห่างจากสมรภูมิหลายร้อยไมล์

 

          แต่อาลีก็ตอบโต้คำสั่งด้วยประโยคที่เป็นอมตะว่า “ผมไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับพวกเวียดกง” และปฏิเสธแข็งขันที่จะเข้าร่วมในกองทัพ

 

          เรื่องนี้ แม้จะส่งผลให้เขาถูกดำเนินคดีที่ฮุสตัน ในข้อหาหลีกเลี่ยงทหาร รับโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี และปรับ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ แถมในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ยังถูกสั่งห้ามชก

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

ภาพจาก The New Yorker

 

          แต่เรื่องนี้กลับทำให้ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ ได้แรงบันดาลใจที่จะเดินหน้าอย่างจริงจัง ในการต่อต้านนโยบายทางสงครามของรัฐบาลประธานาธิบดีจอห์นสัน

 

           ยังไม่หมด ต่อมา อาลียังคงสร้างปรากฏการณ์อย่างอื่นอีก โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชีพมวยของเขาเลย คือการประกาศว่าเขาหันมานับถือศาสนาอิสลาม

 

          และยังอ้างถึงคำสอนของศาสนาไม่ให้ไปเข่นฆ่าผู้คน ดังนั้นการเกณฑ์เป็นทหารจึงเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ เวลานั้นเองที่อาลีทำการเปลี่ยนชื่อจาก “เคสเซียส เคลย์” มาเป็น “มูฮัมหมัด อาลี” เพื่อยืนยันสิ่งนี้

 

          และที่สุด คำร้องอุทธรณ์ของเขาก็ประสบความสำเร็จในวันที่ 28 มิถุนายน 2514 คำตัดสินของศาลสูงสุดยกฟ้องด้วยเสียง 8:0 อาลีเป็นไทจากคดีไม่รับใช้ชาติ

 

ข้าคือ สิงห์จอมโว 

 

          ช่วงมีปัญหาทางคดี นับเป็นระยะเวลา 3 ปีที่เขาไม่ได้ขึ้นชกเลย หลายคนวิเคราะห์ว่าน่าเสียดาย เพราะช่วงนั้นแหละที่ถ้าเปรียบเป็นเหล็ก ก็กำลังร้อน ถ้าอาลีได้ชกไปตามวิถี เขาน่าจะขึ้นถึงจุดสูงสุดในชีวิตการชกมวยได้

 

          แต่อาลีก็ยังทำการชกได้ยอดเยี่ยมมาเรื่อยๆ เช่น การชกกับ "ฟราเซียร์" ที่ฟิลิปปินส์ในศึกที่มีชื่อว่า “Thrilla in Manila” อาลีเอาชนะฟราเซียร์ในยกที่ 14 (ทีเคโอ)

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

อาลีกับ ฟราเวียร์ ภาพโดย NEIL LEIFER FOR SPORTS ILLUSTRATED

 

          อีกครั้งหนึ่งที่นับเป็นการชกครั้งประวัติศาสตร์ของอาลีและวงการมวยโลก คือการพบกับ “จอร์จ โฟร์แมน” ซึ่งเป็นแชมป์โลก ในศึกที่มีชื่อว่า “The Rumble in the Jungle” ที่กรุงกินซาซ่า ประเทศซาอีร์การ

 

           การชกครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดชกมวยระดับโลกเป็นครั้งแรกใจกลางทวีปแอฟริกา แต่ยังเป็นการชิงแชมป์โลกครั้งที่ 3 ในชีวิตของอาลี

 

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

อาลี กับ จอร์จ โฟร์แมนภาพโดย BOXIANA

 

          ผลการชกสรุปว่า อาลีระดมปล่อยหมัดในยกที่ 8 จนงชนะน็อกโฟร์แมน เขาจึงกลับมาเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้ในที่สุด

 

          สำหรับฉายาสิงห์จอมโว เล่ากันว่า อาลีนั้นค่อนข้างจะเป็นคนช่างจ้อ ช่างคุย คารมดีเลิศ เห็นได้จกการที่เขามีชีวิตสมรสถึง 4 ครั้ง มีลูกอีกหลายคน

 

          โดยครั้งสุดท้ายเขาแต่งงานในปี 2529 หรือหลังแขวนนวมแล้ว เธอคือ “โยลันดา วิลเลียมส์”

 

          แต่ตอนแรกฉายานี้เป็นของ "กอร์จัส จอร์จ" นักมวยปล้ำชื่อดัง ที่มักคุยเยอะก่อนขึ้นปล้ำกับคู่ต่อสู้

 

          จนกระทั่งทั้งคู่มีโอกาสเจอกัน ฝ่ายนักปล้ำก็สอนเขาว่าให้จ้อไว้และจะดี ต่อมาอาลีจึงจ้อไม่หยุด เขาเคยกล่าวว่า "ยิ่งพูดมาก ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีคนมากมายขนาดไหนยอมจ่ายเงินซื้อตั๋วเข้ามาดูผมถูกชก"

 

        ที่คนชื่นชอบ คือ การทำนายผลการชกของตัวเองล่วงหน้าแม่นเหมือนจับวาง แต่ไม่รู้จ้อยังไง ต่อมาอาลีก็มาเสียแชมป์โลก แพ้คะแนน 15 ยก ให้แก่ “ลีออง สปิ๊งคส์” นักมวยรุ่นน้อง อดีตแชมป์เหรียญทองโอลิมปิคที่มอนทรีออล

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

อาลี กับ สปิ๊งคส์ ภาพจาก Bettmann/Getty Images)

 

           ที่สุดวันที่ 27 มิถุนายน 2522 อาลีได้ประกาศลาออกจากอาชีพชกมวย แต่สุดท้ายเขาก็เลิกล้มการแขวนนวมแล้วขึ้นชกอีกอย่างน้อยสองครั้งที่ผู้คนจดจำ

 

          คือวันที่ 3 ตุลาคม 2523 อาลีชกกับ “ลาร์รี่ โฮมลส์” ที่อีกหนึ่งตำนานนักชก ที่กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทอีกคน แต่อาลีแพ้ในยกที่ 10 และเสียแชมป์โลกไปในวันนั้น

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

อาลี กับ ลาร์รี่ โฮมลส์ ภาพจาก Sports Illustrated

 

          และอีกครั้งที่นับเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายจริงๆ ของอาลี มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 อาลีขึ้นชกกับ “เทรเวอร์ เบอร์บิค” ผู้ที่ต่อมากลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WBC

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

 อาลี กับ เบอร์บิค ภาพโดย  John Iacono/Getty Images

 

          วันนั้นอาลีจบชีวิตนักมวยวัย 39 ด้วยการแพ้คะแนน 10 ยก ผู้คนเห็นตรงกันว่าสภาพร่างกายของอาลีไม่ไหวอีกแล้ว

 

 พาร์คินสันและบั้นปลาย

 

          ปี 2526 อาลีตรวจพบว่าป่วยเป็นโรค พาร์คินสัน ที่ผู้คนเรียกกันว่า "โรคเมาหมัด" ซึ่งเป็นผลจากการชกมวยอันหนักหน่วงยาวนาน

 

          แต่หลังจากนั้น มูฮัมหมัด อาลี ก็เดินในเส้นทางแห่งเกียรติยศ โดยไม่ต้องเจ็บตัวบนเวทีอีก เพราะสิ่งที่เขาทำไว้มันมากเกินพอแล้ว

 

          นอกจากได้รับเกียรติเป็นนักมวยผู้เป็นตำนาน เขายังได้รับเชิญให้ไปบรรยายในมหาวิทยาลัยและสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหลายสถาบัน

 

          หลังแขวนนวม อาลีทำงานเกี่ยวกับสาธารณกุศลไปทั่วโลก โดยเฉพาะที่ชาวโลกจดจำตามสไตล์ จอมโลกตะลึง คือ อาลีอาศัยความดังและศาสนาจนสามารถเจรจา วัดดัม ฮุสเซน ให้อิรักปล่อยตัวประกัน ในสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี 2533 ได้

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

ภาพจาก  Black Main Street

 

          แต่แล้วอาลีก็เสียชีวิตในวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ที่โรงพยาบาลในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เวลา 21:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากโรคพาร์กินสันและระบบทางเดินหายใจ ขณะอายุได้ 74 ปี

 

          หลังจากข่าวการเสียชีวิตได้เป็นที่รับรู้กัน ได้มีการแสดงความเสียใจจากบุคคลในวงการมวยระดับโลกหลายคนและอีกหลากหลายวงการ เช่น ดอน คิง, จอร์จ โฟร์แมน,ไมค์ ไทสัน, แมนนี่ ปาเกียว และฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ รวมถึงบารัก โอบามา

 

 "สิงห์จอมโว"  ประกาศแขวนนวม  ก่อนตรวจพบ "โรคเมาหมัด"

 

          เรื่องราวของเขา ถูกจดจารึกไปทั่วโลก ทั้งในลักษณะตัวอักษร แผ่นฟิล์ม บทเพลง และคำเล่าขาน ว่าเขาคือ แชมป์โลกรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท(สากลสมัครเล่น), เฮฟวี่เวท สถิติชก 61 ชนะ 56 ชนะน็อก 37 แพ้ 5 เสมอ 0 สถิติเหรียญรางวัลมวยสากลสมัครเล่นโอลิมปิกฤดูร้อนทองโรม 1960

 

          และยังเป็นอาลี “สิงห์จอมโว” ต่อไป เพราะสิ่งที่เขามี...ควรค่าแค่การคุยให้ทุกคนฟังที่สุดแล้ว

 

*****************///****************

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ