วันนี้ในอดีต

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใด" "สิ่งที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้าคือความหวังและความมุ่งมาดปรารถนาของ ประชาชน "

          วันนี้ คือ วันครบรอบวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือเมื่อ 39 ปีก่อน

          พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่ามีพระจริยวัตรที่งดงาม และเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวภูฏาน รวมถึงคนไทยด้วย

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          ท้งยังทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจ และซาบซึ่งแก่พสกนิกรอย่างสูง ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารกิจการบริหารประเทศ เนื่องจากสมเด็จพระราชบิดาได้ทรงวางระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          แต่พระองค์เองก็ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 753,947 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ

          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุกและสมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก ซึ่งเป็นพระมเหสีองค์ที่สามในบรรดาพระมเหสีทั้งสี่พระองค์

          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา ซึ่งมีพระนามว่าเจ้าหญิงอาชิ เดเชน ยังซัมและพระอนุชามีพระนามว่าเจ้าชาย ดาโช จิกมี ดอร์จิ วังชุก

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          เมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาในระดับมัธยมศึกษาที่ คัชชิง อคาเดมี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำสหศึกษา ที่มีชื่อเสียงของรัฐแมสซาชูเซตส์มีอายุกว่า 100 ปี และทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยวีตัน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านศิลปศาสตร์ในรัฐเดียวกัน ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาศึกษาต่อปริญญาโท ในสาขาการทูต และสาขาวิชาการเมืองที่ Magdalen College School สหราชอาณาจักร

          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย นัมชุก พระบรมชนกนาถ ทรงสละราชสมบัติพระราชทานให้แก่ เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก รัชทายาท พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2549 โดยมีพระราชดำริในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

          และได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างแรกด้วยการพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันชาติของภูฎาน หลังจากนั้นประมาณสองปี ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 พระองค์ได้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังทาชิโชซอง ในเมืองทิมพู โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ทรงเป็นผู้ประกอบพระราชพิธี โดย พระราชทานมงกุฎไหมสีแดงดำแด่พระองค์

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          นอกจากนี้ยังมีนางซอนยา คานธี ประธานรัฐสภาของอินเดียเข้าร่วมในพิธีด้วย ทั้งนี้พระองค์ได้สืบบัลลังก์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุกด้วยพระชนมพรรษาเพียง 28 พรรษา และทรงปกครองประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตย

          วันนั้นทรงมีพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่พสกนิกรหลายพันคนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในตอนบ่ายของวันเดียวกันว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใด” “สิ่งที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้าคือความหวังและความมุ่งมาดปรารถนาของ ประชาชน และพระชนมายุอันยืนยาวและพระพลานามัยอันแข็งแรงสำหรับสมเด็จพระราชบิดา จิกมี ซิงเย วังชุก ของข้าพเจ้า”

          “ในโอกาสอันพิเศษยิ่งนี้ ขอให้ร่วมกันสวดมนต์และขออธิษฐานขอให้แสงตะวันเฉิดฉันแห่งความสุขจะสาดส่อง ลงมาที่ประเทศชาติของเราเสมอไป”

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้ทรงประกาศหมั้นกับ เจตซุน เพมา ซึ่งเป็นหญิงสาวสามัญชน โดยทั้งสองอภิเษกสมรสในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554  พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส จัดขึ้น ณ มณฑลพูนาคา ประเทศภูฏาน ทรงมีพระราชโอรส 1 พระองค์คือ เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก (อ่าน http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/312009 ประสูติกาล เจ้าชายพระองค์น้อย แห่งดินแดนมังกรสายฟ้า)

 

 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีฯ เสด็จพระราชสมภพ

 

          สำหรับ พระราชอิสริยยศ เจ้าชาย ดาโช จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก (พ.ศ. 2523 — 2547)

          เจ้าชาย โชเซ เพนลป จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมารแห่งภูฏาน (พ.ศ. 2547 — 2549)

          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (พ.ศ. 2549 — ปัจจุบัน)

//////////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากวิกิพีเดีย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ