จู่ๆ รถบรรทุกแก๊ส ที่ไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจให้คนขับ เกิดอยากจะถึงที่หมายเร็วกว่าปกติ เขาจึงพยายามขับลงทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ด้วยความเร็วเพื่อให้พ้นไฟแดง
เรื่องราวที่จะพาย้อนอดีตต่อไปนี้ นับเป็นเหตุการณ์เลวร้าย โศกนาฏกรรมครั้งรุนแรงติดท๊อปเทนเรื่องตายหมู่ของประเทศไทยเลยทีเดียว
นั่นคือ เหตุการณ์แก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ของ 28 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 24 ก.ย. 2533
กับช่วงเวลาดึกของคืนวันจันทร์อันวุ่นวายวันหนึ่งบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่คนกทม.จะรู้ดีว่า ถนนเส้นนี้ติดระห่ำขนาดไหน ยิ่งเป็นช่วงหลายปีก่อน แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาดึกแล้ว แต่รถยายังคงขวักไข่บนถนนเส้นสำคัญของกทม.เส้นนี้
แต่แล้ว ใครจะคาดคิดว่า ช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม ระหว่างที่รถรานับร้อยคัน ที่วิ่งขวักไขว่อยู่ หลายคนเพิ่งจะกลับจากเลิกงานอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หลายคนกำลังนั่งคิดเรื่องราวเรื่อยไปไปขระรถกำลังติด
จู่ๆ รถบรรทุกแก๊ส ที่ไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจให้คนขับ เกิดอยากจะถึงที่หมายเร็วกว่าปกติ เขาจึงพยายามขับลงทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ด้วยความเร็วเพื่อให้พ้นไฟแดง
แต่ด้วยความเร็วและน้ำหนักของรถคันมหึมา ซึ่งบรรทุกบางอย่างมาด้วยนั้น ส่งผลให้รถได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จากนั้นตัวรถได้ไถลไปกับพื้น
ที่น่าตกใจคือ ด้วยแรงเสียดสีกับพื้นถนน ทำให้ถังบรรจุแก๊สรูปแคปซูล 2 ถัง ถังละ 20,000 ลิตร หลุดออกจากตัวรถ และเกิดเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มแรงอัดให้กับแก๊สที่บรรจุอยู่ภายในถังเหล็กไม่อาจทนแรงเสียดสีได้
จึงได้ปริแตก จนทำให้แก๊สที่บรรจุอยู่ภายในได้พวยพุ่งออกมา และเกิดเป็นประกายไฟ และระเบิดตู้มๆๆๆ เสียงดังหลายครั้ง ในเวลาอันรวดเร็ว เกินกว่าใครที่อยู่ในบริเวณนั้นจะหลบหนีได้ทัน ที่สุดเมื่อบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่และละแวกใกล้เคียงกลายเป็นทะเลเพลิงในไม่กี่วินาที
ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงได้และครอกผู้คนที่ติดอยู่ในรถยนต์เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองทันทีหลายราย บางรายก็เสียชีวิตในรถเนื่องจากสำลักควัน บางคนที่สามารถหนีออกมาได้ ก็อยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวเป็นแผลพุผองจากเปลวไฟ
เท่านั้นยังไม่พอ ปรากฏว่าขณะเดียวกันถังแก๊สอีกถังที่ยังติดอยู่กับตัวรถไม่อาจทนทานความร้อนได้ ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้ตึกแถวสองฟากถนนเกิดไฟลุกท่วม และลามไปติดแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เกิดเป็นลูกไฟสูงท่วมตึกสามชั้น หม้อแปลงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ข้างถนนเกิดช็อตกระแสไฟถูกตัดขาด ทำให้เกิดไฟดับ และเกิดเป็นลูกไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีแดงฉาน ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนบริเวณนั้นและละแวกใกล้เคียงรวมทั้งชุมนุมแออัดนับ 100 หลังคาเรือน ต่างพากันพยายามหลบหนีเอาชีวิตรอด
ไฟยังคงไหม้ต่อเนื่องนานนับชั่วโมงเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพ และตำรวจดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัดกั้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ เพราะแก๊สได้ฟุ้งกระจายไปในอากาศและเชื่อหรือไม่ว่า เพลิงนรกดังกล่าวมาสงบเอาในเวลา 22.00 น. ของคืนต่อมา หรือ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับทางคดี ที่สุด ศาลฎีกา บรรยายเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ในคำพิพากษาว่า
“...เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 เวลาประมาณ 22 นาฬิกา นายสุทัน ฝักแคเล็ก ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุลงจากทางด่วนมาที่ถนนเพชรบุรีด้วยความเร็วเพื่อเร่งให้พ้นสัญญาไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสัญญาไฟแดง
นายสุทันเลี้ยวรถไปทางด้านขวามุ่งหน้าจะไปสี่แยกมักกะสัน แต่รถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุพลิกตะแคงครูดไปกับพื้นถนนจนถึงหน้าอาคารหอพักริมถนนเพชรบุรี ถังบรรจุก๊าซสองถังหลุดออกจากตัวรถ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ที่บรรทุกมารั่วแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง แล้วระเบิดเกิดเพลิงลุกไหม้
นายสุทันถึงแก่ความตายในรถ เพลิงลุกลามไหม้บ้านเรือนในชุมชนแออัดซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนนเพชรบุรีเสียหาย ไหม้ตึกแถวด้านซ้ายและขวาของถนนเพชรบุรีจำนวน 51 ห้อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ในถนนเพชรบุรีตั้งแต่แยกทางด่วนถึงแยกถนนวิทยุเสียหายประมาณ 67 คัน และจากเพลิงไหม้ดังกล่าวเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายแปด 80 คน ได้รับอันตรายสาหัส 24 คน ได้รับอันตรายแก่กาย 12 คน ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 214,926,282 บาท...”
รถบรรทุกแก๊สคันนี้ ไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้คือ ไม่มีข้อต่อระหว่างถังแก๊สกับตัวรถ ซึ่งข้อต่อดังกล่าวมีประโยชน์ในการยึดติดกับตัวรถ ไม่ให้เคลื่อนตัวหรือหล่นลงมาจนเกิดอันตราย นอกจากนี้ยังไม่มีสายรัดถังแก๊สเหมือนกับที่รถบรรทุกแก๊สทั่วๆ ไปใช้กัน
และคนไทยน่าจะยังจำกันได้ว่า เหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้ ภายหลังได้ถูกหยิบยกมาเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “คนเห็นผี” ของ ออกไซด์ แปง ในปี พ.ศ. 2545 อีกด้วย
///////////////
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
วิกิพีเดีย
http://www.tnews.co.th/contents/353000
ข่าวที่เกี่ยวข้อง