ไร้คู่แข่งและได้คะแนนเป็นเอกฉันท์
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปภัมภ์ เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต ประตูน้ำ โดยมีสโมสรสมาชิกเข้าร่วมประชุม 43 สโมสร จากทั้งหมด 46 สโมสร แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าให้งดจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมคนจำนวนมาก แต่เนื่องด้วย พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 กำหนดไว้ว่า “สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย” ต้องจัดการประชุมใหญ่สามัญ ในเดือน มี.ค. สมาคมกีฬาจักรยานฯ จึงดำเนินการจัดประชุมตามกำหนดเดิม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการประชุม สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด มีการตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าห้องประชุม ซึ่ง นพ.เอกลาภ ทองบริสุทธิ์ อุปนายกฝ่ายแพทย์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้นำทีมงานจากโรงพยาบาลซานเปาโล หัวหิน มาทำการตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมงานทุกคน ผู้ที่ผ่านการตรวจแล้ว จะมีสติกเกอร์ติดไว้ที่หน้าอก และได้รับแจกหน้ากากอนามัย รวมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตั้งไว้หลายจุด ส่วนที่นั่งในห้องประชุมก็จัดเอาไว้ห่างกันในระยะที่ปลอดภัย ไม่ให้ผู้เข้าประชุมนั่งติดกัน
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญ คือการเลือกตั้งนายกสมาคม เนื่องจากคณะกรรมการชุดปัจจุบันที่นำโดย พลเอกเดชา เหมกระศรี พ้นวาระของการบริหารงานมาครบ 4 ปีแล้ว โดยสโมสรสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมมี 43 สโมสร จากทั้งหมด 46 สโมสร มีสโมสรที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 41 สโมสร เนื่องจากอีก 2 สโมสรเป็นสมาชิกใหม่ ยังไม่มีสิทธิ์ออกเสียง
ที่ประชุมมีมติให้ นายมนตรี อัศวาจารย์ อุปนายกสมาคมฯ เป็นประธานชั่วคราว ซึ่ง นพ.เอกลาภ ทองบริสุทธิ์ ได้เสนอชื่อ พลเอกเดชา เหมกระศรี ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ ที่ประชุมให้การรับรอง และไม่มีสมาชิกเสนอชื่อผู้อื่นเข้ามาแข่งขัน ผลปรากฏว่าสโมสรสมาชิกทั้ง 41 สโมสร ต่างให้ความไว้วางใจ เทคะแนนเสียงทั้งหมดให้ พลเอกเดชา ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ อีก 1 สมัย นับเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีวาระการบริหารงานระหว่างวันที่ 19 มี.ค.2563 ถึง วันที่ 18 มี.ค.2567
หลังการเลือกตั้ง พลเอกเดชา กล่าวว่า ขอขอบคุณสโมสรสมาชิกทุกแห่งที่ให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาจักรยานฯ ด้วยดีมาตลอด โดยเป้าหมายระยะยาว คืออีก 4 ปีข้างหน้าจะต้องมีนักกีฬาเข้าไปแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2024 เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 คน ตนขอสัญญาว่าจะมุ่งมั่นบริหารงานอย่างสุดความสามารถ ดังเจตนารมณ์ในการบริหารงานที่ว่า “มุ่งมั่นพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ และต่อยอดไปสู่กีฬาอาชีพ” เราจะก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง