ข่าว

ดาบคู่จอมเซอร์ไพรส์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 ซีซั่นที่แล้วพวกเขายังเป็นแค่ทีมระดับลีกวัน ของอังกฤษ แต่นาทีนี้สโมสรฟุตบอลเล็กๆ ในเมืองเชฟฟิลด์ กำลังมีสิทธิ์ฝันไกลถึงเกมบอลถ้วยยุโรป

 

 

ห่างท็อปโฟร์ 2 แต้ม

 

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือฉายาบ้านเราเรียกติดปากว่าทีม “ดาบคู่” กลายเป็นม้ามืดที่หักปากกาเซียนทุกสำนักอย่างแท้จริงสำหรับทีมจอมเซอร์ไพรส์แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้

 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาภายใต้การคุมทัพของ คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมวัย 52 ปี เชฟฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเหนือผู้มาเยือน บอร์นมัธ ไปแบบสุดระทึก 2-1 โดยประตูชัยก่อนจบเกม 6 นาที ของ จอห์น ลุนด์สตราม กองกลางตัวกลั่นของทีมส่งให้ดาบคู่ทะยานขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถมยังมีแต้มห่างจากเชลซี อันดับ 4 และพื้นที่สุดท้ายโควตาบอลถ้วยใบโตยุโรป “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” แค่ 2 คะแนน แม้จะลงแข่งมากกว่าอยู่ 1 เกมก็ตาม

 

“บอลถ้วยยุโรปไม่ใช่สิ่งที่เราคิดถึงอยู่ในตอนนี้” ไวล์เดอร์ กุนซือใหญ่ตอบชัดทุกครั้งยามโดนยิงคำถามถึงโควตาบอลถ้วยยุโรปซีซั่นหน้า

 

 

ดาบคู่จอมเซอร์ไพรส์

 

 

“ยุโรปสำหรับเราอาจเป็นการกลับไปที่มากัลลัฟ (รีสอร์ทและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะมายอร์กาของสเปน) อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาล ทุกอย่างตัดสินกันเมื่อผ่านเดือนพฤษภาคมไปแล้ว" ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมซึ่งเป็นทั้งอดีตเด็กเก็บบอลของสโมสร เป็นผู้เล่นและกัปตันทีม ระบุ

 

ผ่าน 26 นัด ดาบคู่ของไวล์เดอร์ เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด (24 ลูก) เป็นรองเพียงจ่าฝูงอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และพวกเขามีแต้มห่างจากอันดับ 4 แค่ 2 คะแนน

 

 

ทีมเก็บคลีนชีตมากที่สุด 3 ลำดับแรกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

11 นัด    ลิเวอร์พูล

9 นัด    เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

8 นัด    เลสเตอร์ซิตี, วัตฟอร์ด, แมนฯ ซิตี

 

ค่ำคืนหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวที่บรามอลล์ เลน แฟนๆ ดาบคู่พร้อมใจกันเปล่งเสียงเป็นทำนองเพลง Que Sera, Sera (Whatever Will Be, Will Be) ของดอริส เดย์ ตำนานนักร้องและนักแสดงฮอลลีวู้ด “เรากำลังจะไปยังต่างแดน เราจะไปต่างแดน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เราจะไปที่นาโปลี อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

 

ย้อนไปตอนก่อนที่ฤดูกาล 2019-20 จะเปิดฉาก นอกจากจะถูกยกให้เป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ ในการตกชั้นกลับไปสู่ลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

 

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยังมีอัตราต่อรอง 100/1 สำหรับการติด 6 อันดับแรกบนตารางคะแนน

 

ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับอัตตราต่อรองที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะไปคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สวิตเซอร์แลนด์ จะคว้าแชมป์ยูโร 2020 หรือกระทั่ง คิเลียน เอ็มบัปเป จะย้ายมาอยู่กับวูล์ฟแฮมป์ตัน

 

 

จริงที่ว่าก่อนเริ่มฤดูกาลการจะได้เห็นเชฟฯ ยูไนเต็ด ขึ้นมาผงาดบนหัวแถวของตารางแทบเป็นไปไม่ได้เลยและจะไม่แปลกหากเวลานี้ใครที่ไม่ได้ติดตามพวกเขาอาจต้องขยี้ตาพร้อมเพ่งสายตาให้ชัดๆ อีกครั้ง เพราะอาจแปลกใจมากขึ้นไปอีกหากได้เห็นเรื่องราวการฟื้นฟูสโมสรแห่งนี้

 

ย้อนไปวันสุดท้ายของฤดูกาล 2006-07 แฟนดาบคู่ต้องหลั่งน้ำตาไปไม่น้อยเมื่อต้องเห็นทีมรักกระเด็นตกชั้นจากลีกสูงสุด จากนั้นวนเวียนอยู่ในลีกเดอะแชมเปี้ยนชิพนาน 4 ซีซั่น ตามด้วยความถดถอยสู่การร่วงตกชั้นไปอยู่ในลีกวัน

 

ฤดูกาล 2015-16 ภายใต้การคุมทีมของไนเจล แอดกินส์ พวกเขาจบด้วยอันดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 33 ปี ของสโมสร จากการเข้าป้ายอันดับ 11 ของลีกวัน

 

สำหรับสโมสรที่มีประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจ เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมื่อปี 1898 สมัยที่ยังไม่ได้ถูกเรียกว่าพรีเมียร์ลีก, ติด 1 ใน 6 อันดับแรก ปี 1975 พวกเขาดูหมดหวังมากในตอนนั้น กระทั่งการมาถึงของ คริส ไวล์เดอร์ ที่ตอนนั้นเขามีดีกรีสูงสุดแค่เคยพานอร์ทแธมป์ตัน คว้าแชมป์ลีกทู

 

ตั้งแต่เข้ามาเริ่มงานที่บรามอลล์ เลน ในปี 2016 “ไวล์เดอร์” พาทีมเลื่อนชั้น 2 หน ในช่วงเวลา 3 ซีซั่น จนปัจจุบันทีมขึ้นมาสูดลมหายใจยังลีกสูงสุดอีกครั้ง

 

“มันยากที่จะบอกว่าเราแย่แค่ไหนก่อนที่คริสจะเข้ามา การเข้าไปชมเกมในสนามเป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายในตอนนั้น” แซม แพร์รี บรรณาธิการ DEM Blades แมกกาซีนสำหรับแฟนดาบคู่พันธุ์แท้ กล่าว

 

 

ดาบคู่จอมเซอร์ไพรส์

 

 

“เขา (ไวล์เดอร์) เข้าใจสโมสรแห่งนี้ เขาเข้ามาและช่วยชีวิตเรา ไวล์เดอร์เป็นผู้จัดการทีมเชฟฯ ยูไนเต็ด ที่ดีที่สุดในยุคสมัยหลังสงครามโลก และนี่คือทีมเชฟฯ ยูไนเต็ด ที่ดีที่สุดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน” แพร์รี ทิ้งท้าย

 

หากจบฤดูกาลไวล์เดอร์และลูกทีมยังเกาะอยู่ในอันดับเดียวกับตอนนี้ เชฟฯ ยูไนเต็ด จะสร้างประวัติศาสตร์ในรอบ 130 ปี ในการตีตั๋วลุยฟุตบอลสโมสรยุโรป

 

ภาพ AFP

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ