เลือกตั้ง ส.ลูกหนังไทยเดือด!

“บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้สมัครขิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ได้แถลงข่าวกรณีที่โดนตัดสิทธิ์การชิงเก้าอี้สมาคมฯ ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอรีน เมื่อวันที่ 21 มกราคม 

นายวรวีร์ กล่าวว่า  ตนได้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ  แต่ว่า สำนักเลขาธิการ ได้แจ้งตัดสิทธิ์ เนื่องจากขัดคุณสมบัติในข้อที่ว่า ต้องไม่เคยถูกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ฟ้องร้อง ไม่ว่าคดีใด และถึงที่สุดแล้วหรือไม่ รวมทั้งต้องไม่เคยถูก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) พักการทำงาน

อดีตนายกสมาคมลูกหนังไทย ชี้แจงว่า สมัยตนเป็นนายกสมาคมฯ ได้แก้ข้อบังคับให้สอดคล้องกับฟีฟ่า แต่ต้องไม่ขัดกับหลักกฎหมายไทย เมื่อดำเนินการแล้ว ก็มีผู้ฟ้องว่าตนปลอมแปลงเอกสาร ศาลชั้นต้นตัดสินให้ผิด มีผู้ส่งเรื่องไปฟีฟ่า แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง และไม่มีการร้องถึงศาลฎีกา คดีสิ้นสุด ว่าตนบริสุทธิ์ และได้นำเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ไปยืนยันต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก ตัดสินให้ตนเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว

ส่วนกรณีที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะฟ้องร้อง เรื่องละเลยการชำระภาษี ทำให้สมาคมฯ ชุดปัจจุบัน ต้องเสียค่าเบี้ยปรับ ประมาณ 27 ล้านบาท นั้น นายวรวีร์ กล่าวว่า สมัยที่ตนอยู่ในตำแหน่ง ก็หารายได้เข้าสมาคมฯ ที่เป็นนิติบุคคล ประเภทสมาคมกีฬา ดังนั้นเมื่อมีรายจ่าย ก็จ่ายไป เป็นเรื่องปกติ เพราะหารายได้จากสิทธิประโยชน์มากมาย

อย่างไรก็ตาม นายวรวีร์ กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถึงข้อบังคับที่ตนคิดว่าไม่เป็นธรรม ขัดต่อ พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมทั้งเรื่องที่ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน และคณะ สร้างความเสียหายให้สมาคมฯ จากกรณีที่มีคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญา ให้ สมาคมบอล ชดใช้ค่าเสียหายให้ สยามสปอร์ต 50 ล้านบาท และเป็นการกระทำที่ก่อความเสียหายให้สมาคมฯ กรณีนี้ถือว่าขัดต่อคุณสมบัติผู้ชิงนายกด้วย รวมทั้งอีกเรื่องที่ผิดคือ การแต่งตั้งเลขาธิการสมาคมฯ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.พรรคภูมิใจไทย มานับตำแหน่ง ทำให้ไม่สามารถทำงานเต็มเวลาได้ ทั้งที่ ฟีฟ่า ให้เงินอุดหนุนจ้างเลขาฯ แบบฟูลไทม์ ปีละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.5 ล้านบาท)

นายวรวีร์ กล่าวด้วยว่า เมื่อ 17 มกราคม ตนก็ได้ร้องต่อ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ที่ประเทศมาเลเซีย เรื่องการประมูลของบริษัทที่มาดูแลลิขสิทธิ์ ผู้ได้รับสิทธิ์ไม่ยื่นแบงค์การันตี (หนังสือประกันรายได้) ซึ่งต้องการันตีปีละ รวม 510 ล้านบาท ตนเห็นว่าเป็นการทุจริต ซึ่งก็จะฟ้องศาล เพราะเห็นว่าเข้าข่ายทุจริตเช่นกัน