จากผลงานในช่วงเกือบครึ่งซีซั่นแรก คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหาก โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลับไปลุยในตลาดนักเตะเดือนมกราคม
เพื่อทำการเสริมทัพเพิ่มเติมหากหวังจะยกระดับทีมกลับไปอยู่หัวตารางของลีกอีกครั้ง เนื่องจากต้องยอมรับว่าชุมกำลังที่มีอยู่นั้นยังมีศักยภาพไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่พวกเขาพ่ายต่อ วัตฟอร์ด ทีมอันดับสุดท้ายของตารางแบบหมดรูป 0-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ส่งผลให้ขณะนี้ “ปีศาจแดง” เก็บไปเพียง 25 คะแนนจาก 18 นัดในลีก อยู่อันดับ 8 ของตารางตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 24 แต้มและยังแข่งมากกว่า 1 นัด
สำหรับเป้าหมายของการเสริมทีมในตลาดรอบนี้คงจะหนีไม่พ้นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง และกองหน้า เหตุเป็นตำแหน่งที่มีปัญหามากที่สุดของทีมขณะนี้ โดยแผงมิดฟิลด์มีแต่ผู้เล่นในเชิงรับมากเกินไป ทำให้ไม่มีเพลย์เมกเกอร์ที่คอยช่วยปั้นเกม ขณะที่แผงหน้า ก็มีตัวเลือกน้อยทำให้เกมรุกมีสไตล์ที่ไม่หลากหลาย
เป็นเหตุให้ล่าสุด “เดลี เมล์” สื่อดังของอังกฤษ ได้วิเคราะห์ถึง ผู้เล่นที่ “ปีศาจแดง” ควรจะดึงตัวมาร่วมทัพในตลาดหน้าหนาว
1.เจดอน ซานโช - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (ราคาประเมิน 100 ล้านปอนด์)
สำหรับแนวรุกรายนี้ขึ้นมาเป็นท็อปลิสต์ในการเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงหลังด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกับทีม “เสือเหลือง” นับตั้งแต่ไปค้าแข้งในเยอรมันเมื่อปี 2017
โดยดาวเตะวัย 19 ปี ถือเป็นแนวรุกสารพัดประโยชน์เนื่องจากเจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งกองกลางตัวรุก, ปีกซ้าย-ขวา และกองหน้าตัวต่ำ รวมถึงมีทั้งความเร็ว, การจ่ายบอลที่แม่นยำ รวมถึงการปิดสกอร์ที่ดี ซึ่ง “ปีศาจแดง” กำลังหาผู้เล่นในลักษณะดังกล่าวอยู่เพื่อช่วยให้เกมรุกมีความสร้างสรรค์มากขึ้น
นอกจากนั้นเชื่อว่า ซานโช จะเข้ากับบรรดาผู้เล่นยังบลัดของ “เร้ด เดวิลส์” ทั้ง มาร์คัส แรซฟอร์ด, อองโธนี มาร์กซิยาล และดาเนียล เจมส์ ได้เป็นอย่างดีด้วยอายุ และเซนส์ด้านฟุตบอลที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนั้นสถานการณ์ของแข้งทีมชาติอังกฤษ กับ ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่นนี้นั้นไม่ค่อยดีนัก หลังเจ้าตัวมีปัญหากับ ลูเซียง ฟาฟร์ เฮดโค้ช ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ ซานโช จะย้ายออกจากถิ่น ซิกนัล อิดูนา พาร์ค หลังจบฤดูกาลนี้ หรือไม่ก็ช่วงตลาดมกราคมนี้เลยหากมีข้อเสนอที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนใจในตัว ซานโช เพราะมีอีกหลายบิ๊กทีมทั้ง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และลิเวอร์พูล ที่หวังคว้าตัวผู้เล่นทีมชาติอังกฤษไปร่วมทีมเช่นกัน
2.เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช - ลาซิโอ (ราคาประเมิน 100 ล้านปอนด์)
สำหรับดาวเตะทีมชาติเซอร์เบียรายนี้ สามารถเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางด้านฝั่งซ้ายเหมือนกัน รวมไปถึงสามารถเล่นในทั้งตำแหน่งกองกลางตัวรุก และตัวรับ แล้วแต่แท็คติก
มิลินโควิช-ซาวิช ย้ายมาอยู่กับ ลาซิโอ จาก เกงค์ เมื่อปี 2015 ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคีย์แมนสำคัญของทีม และได้รับฉายาจากสื่อต่างๆว่า “ปอล ป็อกบา แห่งเซอร์เบีย”
โดยเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากดาวเตะวัย 24 ปี ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้าตัว รวมถึงทักษะลูกหนังที่ยอดเยี่ยมในการคุมแดนกลางอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น มิลินโควิช-ซาวิช ยังมีจุดเด่นตรงการจ่ายบอลที่มีความแม่นยำจากสถิติจ่ายหวังผล 1.4 ครั้งต่อเกม รวมถึงชอบเล่นบอลทะลุช่องตัดแนวรับซึ่งเหมาะกับแผนการเล่นของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่เน้นการสวนกลับเร็วด้วยการวางบอลไปให้เหล่าผู้เล่นเกมรุกอย่าง อองโธนี มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรซฟอร์ด ทำเกมต่อไป
อีกจุดสำคัญคือการที่ผู้เล่นรายนี้เลี้ยงบอลไปข้างหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆที่มีส่วนสูงถึง 191 เซ็นติเมตรซึ่งเหมือนกับ ป็อกบา ที่สามารถเลี้ยงทะลุทะลวงแนวรับคู่แข่งได้ดีเช่นกัน
ทว่าด้วยความสามารถ และอายุการใช้งานที่ยังมีอีกยาวไกล ทำให้คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “อินทรีฟ้าขาว” จะปล่อยเพชรเม็ดงามรายนี้ออกจากทีมหากไม่ได้ค่าตัวที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 3.84 พันล้านบาท)
3.เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ - เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ราคาประเมิน 80 ล้านปอนด์)
หากจะพูดถึงหนึ่งในกองหน้าที่ฟอร์มแรงที่สุดของทวีปยุโรปซีซั่นนี้ ต้องมีชื่อของหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์รายนี้ติดโผมาอย่างแน่นอนหลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มถล่มประตูในซีซั่นนี้ไปแล้วถึง 28 ลูกจากการลงสนาม 22 เกมรวมทุกรายการ
ฮาแลนด์ คือกองหน้าในสไตล์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการเนื่องจากขณะนี้ “ปีศาจแดง” ไม่มีหัวหอกตัวพักบอลในแดนหน้า และสามารถจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคมทั้งการใช้เท้า และศรีษะ
โดยถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีประสบการณ์ในลีกใหญ่ๆ ทว่าผู้เล่นวัย 19 ปี ก็พิสูจน์ตัวเองได้พอสมควรกับผลงานในเวทียุโรปที่ทุกทีมในรอบแบ่งกลุ่มไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, เกงค์ และนาโปลี โดนศูนย์หน้าผู้นี้ทะลวงตาข่ายมาแล้วทั้งสิ้น พร้อมทำแฮตทริกในรายการดังกล่าวได้ตั้งแต่การลงเล่นปีแรกอีกด้วย
ส่งผลให้มีรายงานอย่างต่อเนื่องว่า “เร้ด เดวิลส์” ได้วางให้ ฮาแลนด์ เป็นเป้าหมายในการเสริมทีมอันดับ 1 ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ ถึงกระนั้นต้องแย่งชิงกับอีกหลายสโมสรที่อยากได้ตัวหัวหอกอนาคตไกลผู้นี้ไปช่วยผลิตสกอร์ ไม่ว่าจะเป็น ยูเวนตุส, แอร์เบ ไลป์ซิก และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
4.มุสซา เดมเบเล - โอลิมปิก ลียง (ราคาประเมิน 80 ล้านปอนด์)
ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-21 ปีรายนี้ ตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอย่างยาวนานตั้งแต่ที่แข้งรายนี้จะย้ายจาก กลาสโกว์ เซลติก ไปอยู่กับ ลียง เมื่อปี 2018
และหลังจากที่ย้ายไปอยู่กับทีมในบ้านเกิด เดมเบเล ยังทำผลงานได้ดีเช่นเดิมจากการยิงไป 15 ประตูในลีกเอิง ฝรั่งเศสฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่ในซีซั่นนี้เจ้าตัวกดไปแล้ว 10 ประตูจาก 18 นัด
ทว่าด้วยผลงานของสโมสรที่ไม่ค่อยดีนักหลังปัจจุบัน ลียง อยู่ในอันดับ 12 ของตารางจากการเก็บเพียง 26 คะแนนจาก 19 นัด ส่งผลให้มีข่าวว่าผู้เล่นวัย 23 ปีเริ่มไม่มีความสุขในถิ่น กรูปามา สตาเดียม และอยากจะออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ประจวบกับที่มีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ส่งแมวมองไปดูฟอร์มแข้งรายนี้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ลียง ยินดีจะขาย เดมเบเล ออกจากทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้ หากได้เม็ดเงินอย่างน้อย 80 ล้านปอนด์ (ราว 3.07 พันล้านบาท)
5.เจมส์ แมดดิสัน - เลสเตอร์ ซิตี (ราคาประเมิน 60 ล้านปอนด์)
ชื่อของ เจมส์ แมดดิสัน ได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องในซีซั่นนี้หลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มกับ “จิ้งจอกสยาม” ได้น่าประทับใจจากการทำไป 8 ประตู กับ 3 แอสซิสต์จากการลงสนาม 20 นัดรวมทุกรายการ พร้อมเป็นคีย์แมนสำคัญในการขับเคลื่อนเกมรุกที่ เบรนแดน รอดเจอร์ส จะขาดไปไม่ได้
นอกจากนั้นด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมยังทำให้ดาวเตะวัย 22 ปี ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อย และน่าจะเป็นกำลังสำคัญของ “ทรี ไลอ้อนส์” ยุคใหม่ร่วมกับ มาร์คัส แรซฟอร์ด, ราฮีม สเตอร์ลิง และเจดอน ซานโช อย่างแน่นอน
โดย แมดดิสัน ถือว่าตอบโจทย์เรื่องการเสริมทัพของ “ปีศาจแดง” เป็นอย่างมาก เพราะเจ้าตัวคือเพลย์เมกเกอร์ที่สามารถปั้นเกมให้กองหน้าเล่นได้สะดวกจากจังหวะจ่ายบอลที่หลักแหลม นอกจากนั้นเขายังมีอาวุธสำคัญคือการเล่นลูกนิ่งซึ่งหวังผลได้
อย่างไรก็ตาม รอดเจอร์ส ได้ออกมายืนยันว่า เลสเตอร์ ไม่มีแผนที่จะขาย แมดดิสัน ซึ่งมีสัญญากับทีมถึงปี 2023 ออกจากทีมแต่อย่างใดไม่ว่าด้วยเงินจำนวนใดก็ตาม
ทั้งหมดคือ 5 แข้งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรดึงตัวมาร่วมทีมในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ เพื่อยกระดับทีมให้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้ซึ่งยังมีภารกิจหลายอย่างรอพวกเขาอยู่ทั้งการลุ้นแชมป์ คาราบาว คัพ, เอฟเอ คัพ, ยูโรปา ลีก รวมถึงติดท็อปโฟร์ในศึกพรีเมียร์ลีกให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง