ข่าว

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020 รอบคัดเลือก" ตอนนี้ได้ 10 ทีมการันตีตั๋วรอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว

 

 

*รอบสุดท้าย 24 ทีม 20 ทีมจากแชมป์-รองแชมป์กลุ่ม + 4 ทีมจากการเตะเพลย์ออฟ

 

 

สำหรับคืนนี้ (15 พ.ย.) หากไม่มีอะไรผิดพลาดเราจะได้เห็นอีกหลายทีมตีตั๋วตามกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนก็ไม่มีอะไรจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังได้เท่ากับบทสรุปคืนนี้ที่เฮลซิงกิ

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

สหพันธ์ฟุตบอลฟินแลนด์ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ 19 พฤษภาคม 1907 ปีต่อมาเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกสหพันธ์ลูกหนังนานาชาติ (ฟีฟ่า) ซึ่งในประวัติศาสตร์กว่า 112 ปี ที่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลในประเทศตัวเองอย่างเป็นทางการ ไม่มีแม้แต่หนเดียวที่ทีมชุดใหญ่ของพวกเขาได้ผ่านเข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายรายการใหญ่

 

ไม่ว่าจะเป็น "ฟุตบอลโลก" หรือ "ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป"

 

แต่กับยูโร 2020 เที่ยวนี้ ดูเหมือนบางที นกฮูกเหยี่ยวแห่งนอร์ดิก กำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 60 ปี ของทัวร์นาเมนต์ ที่พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1968 (อิตาเลีย 68)

 

ตั้งแต่เข้าร่วมรอบคัดเลือกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 51 ปีก่อน ฟินแลนด์ ต้องรอชัยชนะนัดแรกรายการนี้อย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมา 24 พฤษภาคม 1978 ฟินแลนด์ ชนะ กรีซ 3-0 ขณะที่นับจากชัยชนะหนแรกพวกเขาต้องรออีก 40 กว่าปี กับโอกาสที่ดีที่สุดในการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย

 

ใช่ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการลูกหนังฟินแลนด์กำลังจะเกิดขึ้น

สถานการณ์บนตารางคะแนน

 

ผลงานนัดล่าสุดที่เปิดบ้านเอาชนะอาร์เมเนีย 3-0 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ ฟินแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ "มาร์คคู คาเนอร์วา" กุนซือ วัย 55 ปี รั้งอันอยู่ในอันดับ 2 ของกลุ่ม เจ โดยอันดับ 1 ของกลุ่ม คือ อิตาลี ทีมแชมป์กลุ่มที่ตีตั๋วรอบสุดท้ายไปก่อนแล้ว

 

ขณะที่ ฟินแลนด์ สถานการณ์ตอนนี้ผ่าน 8 นัด พวกเขาเก็บไป 15 คะแนน ทิ้งอันดับ 2 และอันดับ 3 อย่าง อาร์เมเนีย กับ บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา ที่่มี 10 คะแนนเท่ากันอยู่ 5 คะแนน

 

หมายความว่าโปรแกรมคืนนี้ (15 พ.ย.) ที่ลูกทีมของคาเนอร์วาจะลงเตะกับลิกเตนสไตน์หากเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จจะผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่มโดยอัตโนมัติชนิดไม่ต้องไปลุ้นผลการแข่งขันของคู่แข่งที่เหลือจากโปรแกรมที่เหลือทั้งหมด 2 เกม จะจบรอบคัดเลือกแบ่งกลุ่มนี้

 

กลุ่ม เจ

  แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ผลต่าง แต้ม
1.อิตาลี 8 8 0 0 25 3 +22 24
2.ฟินแลนด์ 8 5 0 3 12 8 +4 15
3.อาร์เมเนีย 8 3 1 4 13 15 -2 10
4.บอสเนียฯ 8 3 1 4 17 14 +3 10
5.กรีซ 8 2 2 4 9 13 -4 8
6.ลิกเตนสไตน์ 8 0 2 6 2 25 -23 2


โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย

วันที่ 15 พ.ย. 2019

ฟินแลนด์    - ลิกเตนสไตน์ เวลา    00.00 น.

อาร์เมเนีย    - กรีซ    00.00 น.

บอสเนียฯ - อิตาลี    02.45 น.

 

วันที่ 18 พ.ย. 2019

ลิกเตนสไตน์ - บอสเนียฯ    02.45 น.

อิตาลี - อาร์เมเนีย    02.45 น.

กรีซ - ฟินแลนด์    02.45 น.

 

จากโปรแกรมปฏิเสธยากมากทีเดียวว่าเกมในคืนนี้กับลิกเตนสไตน์ซึ่งฟินแลนด์จะได้เล่นในบ้านของตัวเองที่เฮลซิงกิมีความหมายมากเหลือเกิน 

 

เพราะหากพวกเขาพลาดเก็บสามแต้มในเกมนี้ นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม คือการต้องบุกไปเยือนกรีซซึ่งดูตามหน้าเสื่อยังไงสมันน้อยอย่างลิกเตนสไตน์ทีมบ๊วยของกลุ่มที่แข่งมา 8 นัด ไม่ชนะทีมใด และเสียไปถึง 25 ประตู เป็นโอกาสทองของชาติแห่งนอร์ดิกที่จะต้องเก็บชัยปิดจ๊อบตั้งแต่เกมนี้ให้ได้

 

“มันมักมีความสงสัยอยู่เสมอ ประเภทว่าพวกเขาไม่เคยทำได้สำเร็จมาก่อนเลยนะ (ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)” อากิ ริฮิลาติห์ อดีตกองกลางคริสตัล พาเลซ ซึ่งปัจจุบันเป็นซีอีโอเฮชเจเค เฮลซิงกิ กล่าวถึงทัพบ้านเกิดก่อนลงบู๊เกมนัดสำคัญ “ธรรมชาติของคนฟินนิช เมื่อเราได้รับการยอมรับ พวกเราก็พร้อมจะเดินหน้า ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อความสำเร็จ”

 

สิ่งนี้อาจจะหมายความได้ว่าเรื่องของจิตใจนั้นสำคัญกว่าความจริงที่หลายคนเชื่อ" ริฮิลาติห์ ระบุ

 

ฟินแลนด์เป็นชาติยักษ์ใหญ่ในแถบประเทศนอร์ดิกทีมเดียวที่ไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ มาก่อน

 

ฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก คือ ทัวร์นาเมนต์เวิลด์ คัพ ที่พวกเขาใกล้เคียงกับการผ่านเข้ารอบสุดท้ายมากสุด เมื่อมีแต้มห่างจากทีมอันดับ 2 ไอร์แลนด์เหนือที่ตีตั๋วรอบสุดท้ายแค่ 2 คะแนน

 

ขณะที่เวิลด์ คัพ 1998 ที่ฝรั่งเศส พวกเขาพลาดตั๋วไปลุ้นเพลย์ออฟแบบน่าเจ็บปวดที่สุด เมื่อเกมชี้ชะตานัดสุดท้ายหากเอาชนะ ฮังการี ในบ้านของตัวเองจะคว้าสิทธิ์ทันที และพวกเขาก็ยิงประตูขึ้นนำไปได้ก่อน แต่สุดท้ายมาโดนตีเสมอจากการทำเข้าประตูตัวเองในช่วงทดเจ็บของการแข่งขันในครึ่งหลัง

 

ส่วนทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2008 ภายใต้การคุมทัพของ รอย ฮอดจ์สัน สามารถพาฟินแลนด์ไปลุ้นกระทั่งแมตช์สุดท้ายของเกมรอบคัดเลือก แต่การชี้ชะตากับโปรตุเกส ที่มีทั้ง นูโน โกเมส กับ คริสเตียโน โรนัลโด ก็ทำให้พวกเขาที่ต้องเก็บชัยชนะสถานเดียวไปไม่ถึงเป้าหมาย 

*นัดสุดท้าย ฟินแลนด์ ต้องชนะ โปรตุเกส เพื่อแซงขึ้นอันดับ 2 คว้าสิทธิ์เข้ารอบอัตโนมัติแต่สุดท้ายจบ 0-0 ทีมฝอยทอง ตีตั๋วเข้ารอบตามโปแลนด์แชมป์กลุ่ม โดยแต้มห่างฟินแลนด์ 

 

แม้ก่อนหน้านี้เคยมีดาวเตะชื่อดังอย่าง ยารี ลิตมาเนน อดีตกองกลางบาร์เซโลนาและอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปราการหลังภูผาน้ำแข็งอย่าง ซามี ฮูเปีย แต่ความพยายามหลายต่อหลายครั้งไม่เคยประสบผลสำเร็จ

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

กระทั่งมาถึงยุคนี้ที่ดาวเตะชูโรงของพวกเขาเป็นแค่ศูนย์หน้าของทีมเล็กๆ ที่เป็นน้องใหม่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้อย่าง ติมู ปุกกี กองหน้าจากนอริช ซิตี ซึ่งปัจจุบันหัวหอกวัย 29 ปี คือดาวเตะที่พังตาข่ายไปมากที่สุดหากเทียบเฉพาะคู่แข่งในกลุ่มนี้ จากผลงาน 7 ประตู

 

"เราเคยมียุคโกลเดนเจเนอเรชั่นที่ประกอบด้วย ยารี ลิตมาเนน, ซามี ฮูเปีย, ยุสซี ยัสเคไลเนน, อันติ นีมี, ฮันนู ติฮิเนน และ มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักเตะที่ดีเอามากๆ และเป็นความหวังที่จะพาเราผ่านรอบคัดเลือก แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับนักเตะกลุ่มนี้ซึ่งมันน่าแปลกเอามากๆ บางทีอดีตเหล่านี้ทำให้เราต้องแบกรับเอาไว้และก็แค่ลงเล่นมันต่อไป" ทิม สปาร์ฟ กัปตันทีมฟินแลนด์ชุดปัจจุบันอดีตดาวเตะที่เคยผ่านการค้าแข้งกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พูดถึงยุคทองของพวกเขา

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

สปาร์ฟ กัปตันทีม วัย 32 ปี ที่จจุบันค้าแข้งกับเอฟซี มิดทิลแลนด์ในเดนมาร์ก คือ 1 ใน 5 นักเตะที่่เคยพาฟินแลนด์ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2009 รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่สวีเดน ร่วมกับ ตีมู ปุกกี (นอริช ซิตี), อันซี ยาคโคลา (ผู้รักษาประตู วัย 32 ปี, บริสตอล โรเวอร์ส), ยุคคา ไรตาลา (มอนทรีออล อิมแพคท์), โยนา ตอยวิโอ (ฮัคเคน)


"บางครั้งผู้เล่นที่ดีที่สุดอาจไม่ได้อยู่ในทีมชุดที่สำเร็จที่สุด" สปาร์ฟ ระบุ

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

ปุกกี เจ้าของผลงาน 7 ประตู จากทั้งหมด 12 ลูกที่ฟินแลนด์ยิงได้ในรอบคัดเลือก คือคีย์แมนคนสำคัญอย่างแท้จริง ขณะที่องค์ประกอบที่เหลือถูกเนรมิตขึ้นมาด้วยโครงสร้างของดาวเตะรุ่นใหม่ที่ถูกย้ำเรื่องระเบียบวินัย

 

พวกเขาเสียไป 8 ประตู จากทั้งหมด 8 เกม เป็นรอง อิตาลี แชมป์กลุ่มทีมเดียวที่เสียประตูน้อยกว่า และจากแปดลูกที่เสียไป ลูกทีมคาเนอร์วาเก็บไปได้ถึง 5 คลีนชีต

 

นอกจาก ปุกกี ศูนย์หน้าดาวยิงจากนกขมิ้นเหลืองอ่อนแห่งเกาะอังกฤษแล้ว ชื่อของ เฟรดริค เยนเซน มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 22 ปี ของเอาส์บวร์กแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี คืออีกหนึ่งกำลังสำคัญและเป็นตัวอย่างของดาวเตะดาวรุ่งของฟินแลนด์ชุดนี้ จากผลงาน 2 ตุงที่กดให้ทีมในรอบคัดเลือกยูโร 2020 และเป็นรองดาวซัลโวของทีมรองจากปุกกี รายเดียวเท่านั้น

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

ขณะที่หากนับรวมตั้งแต่ติดธง เยนเซน รัวตาข่ายใช้ได้ทีเดียวจากผลงาน 4 ประตู จากการรับใช้ทีมชาติรวมทุกรายการจำนวน 10 นัด

 

 

โค้ชอดีตครูสอนหนังสือ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นผลงานยอดเยี่ยม ณ เวลานี้ ความดีความชอบส่วนใหญ่ต้องยกให้เฮดโค้ชวัย 55 ปี ที่เริ่มเข้ามารับงานบทบาทนายใหญ่เต็มตัวในธันวาคม 2016 จากการขยับขึ้นมาจากบทบาทผู้ช่วย

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

ตอนที่ คาเนอร์วา อดีตผู้เล่นทีมชาติฟินแลนด์ในยุค 1980-90 เข้ามารับงานเวลานั้น ผลงานของฟินแลนด์ย่ำแย่ทีเดียว สะกดคำว่าชนะไม่เป็นแม้แต่นัดเดียวตลอดปี 2016 

 

เท่านั้นไม่พอผู้เล่นที่จัดว่าดีที่สุดอย่าง โรมัน เยเรเมนโก กองกลางประสบการณ์สูงวัย 32 ปี ที่เคยผ่านการค้าแข้งกับสโมสรแถวหน้า อูดิเนเซ, ดินาโม เคียฟ, รูบิน คาซาน และซีเอสเคเอ มอสโก ก็ดันมาโดนโทษแบน 2 ปี จากการตรวจพบสารเสพติดประเภทโคเคนในปีเดียวกันกับที่ คาเนอร์วา เข้ามาเริ่มงาน

 

ขณะที่ เพอร์พาริม เฮเตมาจ อดีตมิดฟิลด์คิเอโวในอิตาลี เจ้าของติดธงรับใช้ชาติ 41 นัด ก็มาประกาศเลิกเล่นเพื่อขอไปโฟกัสกับสโมสร

 

หากไปถามคนนอกฟินแลนด์ชื่อของ คาเนอร์วา คงไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แต่เฮดโค้ชรายนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่และทำงานในทีมชาติตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา

 

“เขาเป็นอดีตครู ในทางทฤษฎีไม่แปลกที่เขาจะดูสงบและเยือกเย็น”  สปาร์ฟ กล่าวถึงนายใหญ่ของเขา

 

"เขาเปิดกว้างและรับผิดชอบต่อผู้เล่นมากมายซึ่งเหมาะกับเราเป็นอย่างดี เขาต้องการความคิดเห็นของนักเตะเสมอและถามเราว่ามีอะไรที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงดีสำหรับเราจริงๆ เขาอยู่กับทีมมานาน เขาจึงรู้จักผู้เล่นจากทีมเยาวชนของเราอย่างดี"

 

คาเนอร์วา ต้องเน้นการทำทีมเท่าจากขุมกำลังเท่าที่มี เลือกผู้เล่นจากจุดแข็งของแต่ละคนมากกว่ายึดแกนหลักเดิมๆ และสไตล์จากชุดก่อน เช่นเดียวกับเปลี่ยนรูปแบบกลับมาเล่นในระบบ 4-4-2 ที่ไม่ซับซ้อน

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

วิธีการของคาเนอร์วา คือการทำงานหนักและการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น รวมถึงการวางใจในดาวเตะที่โปรไฟล์ดีที่สุดของประเทศอย่าง ตีมู ปุกกี 

 

นอกจากนี้เวลาอบรมลูกทีมเขาก็มีความคล้ายตอนสมัยเป็นคุณครู คือ เขามักให้ความสำคัญกับการสื่อสารของนักเตะในทีม การมีความรับผิดชอบ และการหาข้อผิดพลาดเพื่อนำมาแก้ไข ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นพื้นฐานทั่วไป แต่สำหรับฟินแลดน์ชุดนี้พวกเขากลับทำสิ่งง่ายๆ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันจนผลงานที่ปรากฏหลังจากนั้น แข้งนกฮูกเหยี่ยวผงาดเป็นแชมป์กลุ่มของศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่่ผ่านมา ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นจากทีมลีก ซี สู่ทีมในลีก บี ฤดูกาลหน้า

 

เช่นเดียวกับที่ได้สิทธิ์การันตีพื้นที่เพลย์ออฟ หากพลาดเข้าป้ายในฐานะสองทีมอันดับแรกที่มีคะแนนดีที่สุดในยูโร 2020 รอบคัดเลือก

 

“เราเคยตามหาความลับที่จะพาเราก้าวไปสู่ความสำเร็จในวงการลูกหนัง” มาร์โค คาซาแกรนด์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลของฟินแลนด์ กล่าว “ด้านกีฬาเราทำได้ดีไม่แพ้ใคร ยกเว้นฟุตบอลที่ยังทำให้เราแตกต่าง”

 

คาซาแกรนด์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขามีโอกาสถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จของไอซ์แลนด์ ชาติเพื่อนบ้านเล็กๆ ในแถวนอร์ดิกด้วยกันที่เคยสร้างความฮือฮาในทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาแล้ว

 

 

'ฟินแลนด์'บนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่อาจเกิดขึ้นคืนนี้

 

 

“ผมถามว่าความลับของพวกเขาคืออะไร” คาซาแกรนด์ กล่าวถึงครั้งที่สอบถามเพื่อนร่วมงานในสมาคมฟุตบอลไอซ์แลนด์

 

“มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทุกคนพูดว่าคุณแพ้ทุกเกม ขณะที่ไอซ์แลนด์กำลังเตรียมตัวไปเล่นในยูโรรอบสุดท้าย มาสิ มาดูว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”

 

คาซาแกรนด์ เริ่มเข้าใจว่าการที่วงการลูกหนังไอซ์แลนด์พัฒนาขึ้นมาได้นั้นเกิดจากการที่พวกเขาก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างหนักทุกคน ประกอบกับพวกเขามีดาวเตะตัวชูโรงอย่าง กิลฟี ซิกูร์ดส์สัน

 

ดังนั้นจะแปลกอะไรหากฟินแลนด์จะทำงานหนักดูบ้าง และหากไอซ์แลนด์มี “ซิกูร์ดส์สัน” เราก็มี “ปุกกี” ที่กำลังจะพาทีมไปลุยทัวร์นาเมนต์ยูโรรอบสุดท้ายเหมือนกัน


 

 

"มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตตลอดช่วงเวลา 17 ปีที่ผ่านมา ผมได้เป็นกัปตันทีมชาติมาทุกชุด นี่เป็นความฝันของผมที่จะได้เป็นตัวแทนประเทศบ้านเกิดและผมก็รู้สึกภาคภูมิใจและโชคดีที่มีโอกาสนี้”  สปาร์ฟ กัปตันทีม วัย 32 ปี ทิ้งท้าย

 

 

 

ภาพ AFP
เรียบเรียง พชร นาคจู

ที่มา : https://www.theguardian.com/football/2019/nov/14/finland-history-qualify-euro-2020-first-major-football-finals
https://thesefootballtimes.co/2019/09/04/the-new-finland-why-their-best-squad-in-a-generation-can-take-the-nation-to-euro-2020/
https://apnews.com/a018dd8a572e4207ba8623cddc5f617c

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ