บิ๊กป้อม อยากเป็นเจ้าทองซีเกมส์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานด้านกีฬาร่วมกัน ระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. พร้อมด้วยผู้บริหาร กกท. และผู้บริหารสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยจำนวน 84 สมาคม เข้าร่วมรับฟังนโยบายการดำเนินงานด้านกีฬาตามแผนงานของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมสนับสนุนกีฬาไปสู่ระดับนานาชาติ ก่อนนำมาปรับใช้ให้มีความสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของ กกท. และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการกีฬาของไทยให้ไปสู่ความสำเร็จ

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำให้สมาคมกีฬาทุกสมาคม นำนโยบายด้านการกีฬาไปใช้เป็นแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ถือเป็นองค์กรหลักในการบูรณาการ ขับเคลื่อนเพื่อความเป็นเลิศสู่ระดับนานาชาติ ต่อยอดสู่ความเป็นอาชีพ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ มุ่งเน้นด้านโครงสร้างและพัฒนาศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่เป็นมาตรฐาน มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ รวมถึงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา พัฒนาบุคลากร รวมทั้งการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ให้เพียงพอและทันสมัย

ขณะเดียวกัน “บิ๊กป้อม” ขอให้ทุกฝ่ายดูแล และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดตามนโยบายของรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวสู่เวทีระดับโลก พร้อมย้ำให้ทุกสมาคมกีฬาเตรียมความพร้อมในการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้ ให้ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ให้ได้

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวเสริมว่า กกท.และ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ต้องทำงานควบคู่กันไป โดยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ขณะนี้ มุ่งไปสู่กีฬาเป็นเลิศ , กีฬาอาชีพ และพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมกีฬา โดยกำลังเร่งสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ (เอ็นทีซี) และเชื่อมโยงกับ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ กกท.หัวหมาก เพื่อพัฒนากีฬาระดับโอลิมปิกเกมส์กว่า 20 ชนิด เพื่อเป็นการสร้างนักกีฬา และมาตรฐานการจัดการกีฬาไปสู่ระดับนานาชาติ

สำหรับกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 “บิ๊กก้อง” กล่าวว่า การเตรียมการนักกีฬาครั้งนี้กว่า 8 เดือน เพื่อให้นักกีฬาไทยมีความพร้อมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม มีเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้น อาทิ ความไม่พร้อมของเจ้าภาพ จึงอยากให้คนไทยได้เชียร์กีฬาซีเกมส์ครั้งนี้แบบเป็นสากลจริง ๆ ซึ่งมั่นใจว่า นักกีฬาไทยจะไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง

นอกจากนี้ ดร.ก้องศักด ได้กล่าวอีกว่า การเตรียมนักกีฬาไทย ได้ต่อเนื่องไปถึงกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 อีกด้วย อยากจะให้เห็นว่า พัฒนาการของนักกีฬาไทยในยุคนี้ มีความหลากหลายอย่างเห็นได้ชัด  โดยใน “โตเกียวเกมส์” ครั้งนี้ เทควันโด, แบดมินตัน และยิงเป้าบิน จะเป็นความหวังเหรียญของไทย ในขณะเดียวกัน นักกีฬาที่คว้าโควตาเข้าร่วมมหกรรมก็มีหลากหลายชนิดมากขึ้น อย่าง กีฬาวอลเลย์บอลทีมหญิง ก็กำลังลุ้นโควตาสุดท้ายอย่างเข้มข้น รวมไปถึง กีฬาโอลิิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว ก็มีนักกีฬาไปแข่งขันด้วยเช่นเดียวกัน