เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันนักเตะจากย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนนั้นมีฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นไปมาก
จนได้โอกาสไปค้าแข้งในลีกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เจลีก ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการได้ไปค้าแข้งในลีกนอกประเทศของตัวเองนั้นส่งผลให้มูลค่าของนักเตะนั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
และล่าสุด “Transfermarkt” เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขาย และค่าตัวของนักเตะทั่วโลก ได้เผย 10 อันดับแรกของแข้งอาเซียนที่มีค่าตัวสูงสุดในปัจจุบัน โดยวัดจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของลีกที่เล่น และฟอร์มการเล่น ซึ่งก็มีดาวเตะจากหลายชาติ ทั้ง ไทย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ติดโผเข้ามาในลิสต์ดังกล่าว
10.สเตฟาโน ลิลิพาลี-ทีมชาติอินโดนีเซีย-405,000 ปอนด์ (ราว 15 ล้านบาท)
มิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นทั้งในระดับทีมชาติ และสโมสรอย่าง บาหลี ยูไนเต็ด ด้วยการเป็นผู้เล่นที่โอนสัญชาติมาจากฮอลแลนด์ทำให้มีทักษะฟุตบอลที่แพรวพราวสไตล์นักเตะยุโรป ส่งผลให้เขาติดเข้ามาในอันดับดังกล่าวแล้วเมื่อเดือน พ.ย.ปีก่อน
โดยปัจจุบันแข้งวัย 29 ปีที่ ถือเป็นกำลังสำคัญของทัพ “อิเหนา” ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มจี ร่วมกับเพื่อนร่วมโซนอาเซียนอย่างทีมชาติไทย, ทีมชาติเวียดนาม และทีมชาติมาเลเซีย
9.ฮาเวียร์ ปาตินโญ-ทีมชาติฟิลิปปินส์-450,000 ปอนด์ (ราว 16.7 ล้านบาท)
เชื่อว่าแฟนบอลไทยคงคุ้นเคยกับหัวหอกรายนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเจ้าตัวค้าแข้งอยู่ในไทยลีกกับหลายสโมสร ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และราชบุรี มิตรผล เอฟซี ต้นสังกัดปัจจุบัน
ขณะที่ในนามทีมชาติดาวเตะวัย 31 ปี คือศูนย์หน้าตัวความหวังของทัพ “ตากาล็อก” และเพิ่งยิงประตูแรกให้กับทีมไปในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กับ ซีเรีย เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลให้ ปาตินโญ ที่เคยมีค่าตัวสูงถึง 855,000 ปอนด์ (ราว 31.7 ล้านบาท) หลังเคยย้ายไปอยู่กับ เหอหนาน เจี้ยนเย ในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก เมื่อปี 2015 จนติดเข้ามาในลิสต์ในอันดับ 9
8.กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์-ทีมชาติไทย-495,000 ปอนด์ (ราว 18.3 ล้านบาท)
ในปัจจุบันมีนักเตะจากโซนอาเซียนไม่กี่รายที่ได้โอกาสไปค้าแข้งในลีกยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายด่านของสโมสร โอเอช ลูเวิน ในลีก 2 ของประเทศเบลเยียม
โดยก่อนหน้านี้ “เจ้าตอง” ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับท็อปของทวีปเอเชีย ด้วยผลงานที่สม่ำเสมอ ถึงกระนั้นในช่วงซีซั่นที่แล้วเจ้าตัวมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน จนส่งผลให้ฟอร์มการเล่นตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด และเสียตำแหน่งมือหนึ่งของทีมชาติไทยในยุค อากิระ นิชิโนะ ให้กับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เป็นที่เรียบร้อย
8.ไดสุเกะ ซาโตะ-ทีมชาติฟิลิปปินส์-495,000 ปอนด์ (ราว 18.3 ล้านบาท)
ส่วนอันดับ 8 ร่วมในลิสต์ดังกล่าว นั่นก็คือ ฟูลแบ็คทีมชาติฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังเซ็นสัญญามาตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยสาเหตุที่ทำให้ ซาโตะ มีค่าตัวสูงทั้งๆยังยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม “กิเลนผยอง” ไม่ได้เนื่องจากเขามีประสบการณ์ค้าแข้งในทวีปยุโรปมาอย่าโชกโชน ทั้ง เอฟซี โปลิเทคนิกา และเซปซี โอเอสเค ในลีกประเทศโรมาเนีย รวมถึงเอซี ฮอร์เซนส์ ในลีกประเทศเดนมาร์ก
6.ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์-ทีมชาติไทย-540,000 ปอนด์ (ราว 20 ล้านบาท)
สำหรับกองกลางรายนี้ ได้รับโอกาสในการย้ายไปค้าแข้งในฟุตบอล เจลีก ญี่ปุ่น เป็นซีซั่นแรกกับ โออิตะ ทรินิตะ ทีมน้องใหม่ ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีหลังได้รับโอกาสได้ลงสนามช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง และยิงประตูในแดนปลาดิบได้แล้วในฟุตบอล เจลีก วายบีซี ลูวาน คัพ
ขณะที่กับทัพ “ช้างศึก” นั้น “เจ้านิว” ถือเป็นกำลังหลักในทีม เนื่องจากสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง และมีความสามารถเฉพาะตัวสูง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเขากำลังเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง และจะพลาดช่วยทีมชาติไทย ในเกมสำคัญที่จะพบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ นศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มจี นัดที่ 3 วันที่ 15 ต.ค.แน่นอนแล้ว
5.ธีราทร บุญมาทัน-ทีมชาติไทย-720,000 ปอนด์ (ราว 26.7 ล้านบาท)
อีกหนึ่งนักเตะไทยที่ค้าแข้งอยู่ในฟุตบอล เจลีก ญี่ปุ่น กับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส หลังเมื่อซีซั่นที่แล้วเขาลงเล่นให้กับ วิสเซิล โกเบ ร่วมกับแข้งดังอย่าง อันเดรส อีเนียสตา อดีตกองกลาง บาร์เซโลนา
ถึงกระนั้นช่วงเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ผลงานของ “เจ้าอุ้ม” นั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก จนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในสโมสรได้สำเร็จ พร้อมกดให้ต้นสังกัดไปแล้ว 2 ประตูด้วยกันในฤดูกาลนี้
ส่วนในนามทีมชาติไทยนั้นแบ็คซ้ายวัย 29 ปี คือคีย์แมนที่จะขาดไปไม่ได้ เพราะเขาโดดเด่นทั้งในเรื่องของเกมรุก และรับ พร้อมยิงให้ทีมไปแล้ว 1 ลูกในเกมบุกถล่ม อินโดนีเซีย 3-0 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
5.อิกนาซิโอ อินซา-ทีมชาติมาเลเซีย-720,000 ปอนด์ (ราว 26.7 ล้านบาท)
นักเตะเชื้อชาติสแปนิช ที่โอนสัญชาติมาเล่นให้กับทัพ “เสือเหลือง” รายนี้ มีประสบการณ์ในการค้าแข้งในยุโรปมาโชกโชน โดยเฉพาะในลีกบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็น บาเลนเซีย, เออิบาร์, บียาร์เรอัล, เซลตาบีโก และเลบานเต ก่อนปัจจุบันจะโยกมาอยู่กับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม สโมสรเดียวกับ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต อดีตหัวหอก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ทำให้ถึงแม้ว่าช่วงหลังแข้งวัย 33 ปีจะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และไม่ค่อยได้ลงสนามมากนัก ถึงกระนั้นด้วยดีกรีที่ผ่านมา ส่งผลให้เขาติดท็อป 5 ของดาวเตะอาเซียนที่มีค่าตัวสูงสุดในขณะนี้
3.ธีรศิลป์ แดงดา-ทีมชาติไทย-810,000 ปอนด์ (ราว 30 ล้านบาท)
สำหรับ ธีรศิลป์ ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับมากที่สุดรายหนึ่งของอาเซียนในช่วง 10 ปี หลังสุด เหตุเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และยกระดับฝีเท้าของตัวเองขึ้นมาจนเคยได้ไปค้าแข้งในศึกลาลีกา สเปน กับ อัลเมเรีย และซานเฟรชเช ฮิโรชิมา
ส่งผลให้ค่าตัวของ “เจ้ามุ้ย” เพิ่มสูงขึ้นจาก 585,000 ปอนด์ (ราว 21.7 ล้านบาท) ในปี 2018 เป็น 810,000 ปอนด์ (ราว 30 ล้านบาท) ในปัจจุบัน รวมถึงเคยพุ่งไปมากกว่า 900,000 ปอนด์ (ราว 33.4 ล้านบาท) ในสมัยอยู่กับ อัลเมเรีย อีกด้วย
ปัจจุบันดาวเตะวัย 31 ปี กลับมาเล่นให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมสร้างชื่อของเจ้าตัวในอาชีพการค้าแข้ง
2.ชนาธิป สรงกระสินธิ์-ทีมชาติไทย-1.98 ล้านปอนด์ (ราว 73.5 ล้านบาท)
หากจะพูดถึงหนึ่งในผู้เล่นอาเซียนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ คงจะต้องมีชื่อของแนวรุกทัพ “ช้างศึก” รายนี้อย่างแน่นอน หลังระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ในศึก เมจิ ยาซุดะ เจลีก 1 ญี่ปุ่น มาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วจนกระทั่งปัจจุบัน หลังทำไป 4 ประตูกับ 7 แอสซิสต์จากการลงสนาม 22 นัดในลีกแดนปลาดิบฤดูกาลนี้ ขณะที่ในนามทีมชาติเขาก็ถือเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกมาโดยตลอด
ด้วยอายุเพียง 25 ปีทำให้ “ชนาคุง” ยังสามารถพัฒนาฝีเท้าได้อีกไกล รวมถึงด้วยผลงานที่ผ่านมาทำให้เขามีค่าตัวสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน
1.นีล เอเธอร์ริดจ์-ทีมชาติฟิลิปปินส์-7.2 ล้านปอนด์ (ราว 267.4 ล้านบาท)
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่นายด่านผู้นี้จะเป็นแข้งที่มีค่าตัวสูงที่สุดของลิสต์ดังกล่าว เนื่องจากเขาคือนักเตะอาเซียนคนแรกที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
โกล์วัย 29 ปีรายนี้ เกิดที่กรุงลอนดอน โดยมีคุณพ่อเป็นคนอังกฤษ และคุณแม่เป็นคนฟิลิปปินส์ ซึ่งเขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จากนั้นเขาก็เคยค้าแข้งให้กับหลายทีมดัง ทั้ง เชลซี, ฟูแลม, วอลซอลล์ และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี ซึ่งเขาก็มีส่วนสำคัญช่วยทีมเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในซีซั่นก่อน ทว่าไม่สามารถต้านความแข็งแกร่งไหวจนกระเด็นตกชั้นไปสู่ลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งในปีนี้
ด้วยการได้เล่นในแดนผู้ดี ซึ่งถือเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านฟุตบอล ส่งผลให้แม้ เอเธอร์ริดจ์ จะได้ลงสนามไปเพียง 1 เกมในฤดูกาลนี้ ถึงกระนั้นเขาค่าตัวของเขาก็ยังไม่ตกลงแต่อย่างใด
และทั้งหมดนี้คือการจัดอันดับ 10 ผู้เล่นอาเซียนค่าตัวสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งก็มีผู้เล่นจากหลายชาติติดมาอยู่ในลิสต์ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าแปลกใจหลังไม่มีผู้เล่นจากทีมชาติเวียดนาม ซึ่งถือเป็นชาติมหาอำนาจด้านฟุตบอลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขณะนี้ติดโผมาแม้แต่คนเดียว
ขอบคุณภาพจากเพจ : ฟุตบอลทีมชาติไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง