ข่าว

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิง 'งูใหญ่' ทศวรรษนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิงของ อินเตอร์ มิลาน ในทศวรรษนี้

     ในที่สุดก็ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมหากาพย์เรื่องการย้ายทีมของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียมที่ย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ตามที่เจ้าตัวตั้งใจด้วยค่าตัว 76.7 ล้านยูโร (ราว 2.58 พันล้านบาท) พร้อมเซ็นสัญญาถึงปี 2024 ด้วยกัน

     โดย อันโตนิโอ คอนเต ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ “งูใหญ่” เจาะจงว่า ลูกากู คือเป้าหมายในการเสริมทีมอันดับหนึ่งของเขา เหตุเจ้าตัวชอบสไตล์การเล่นของแข้งรายนี้ตั้งแต่สมัยที่เข้าไปคุมทีม เชลซี แต่สุดท้าย “ปีศาจแดง” เป็นทีมที่ได้ลายเซ็นไป
ขณะที่ดาวเตะวัย 26 ปี ก็แสดงท่าที่อย่างชัดเจนว่าต้องการย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มการเล่น

     โดยเฉพาะในซีซั่นที่ผ่านมาด้วยการยิงไป 15 ประตูจาก 45 เกมในทุกรายการ ซึ่งศึกกัลโช เซเรีย อา คือจุดหมายต่อไปของเจ้าตัว
และจากนั้น อินเตอร์ มิลาน ก็เปิดฉากเจรจากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการดึงตัว ลูกากู มาร่วมทัพทว่าไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจาก “เนรัซซูรี” ยื่นข้อเสนอไปเพียง 56.7 ล้านยูโร (ราว 1.19 พันล้านบาท) ขณะที่ทีมดังแห่งถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องการไม่ต่ำกว่า 78.8 ล้านยูโร (ราว 2.65 พันล้านบาท)

    จน ยูเวนตุส ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อดึงตัว ลูกากู เช่นกัน โดยส่ง เปาโล ดีบาลา กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินามาเพื่อขอแลกตัว ถึงกระนั้นดีลดังกล่าวก็ถูกยกเลิกเหตุไม่สามารถเจรจากันได้
กระทั่งสุดท้ายแล้ว อินเตอร์ ยอมเพิ่มข้อเสนอเป็น 76.7 ล้านยูโร (ราว 2.58 พันล้านบาท) จนสามารถปิดดีลดาวเตะรายนี้มาร่วมทัพเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา

     แม้ผลงานของ ลูกากู กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ค่อยดีนัก แต่หากดูสถิติก่อนหน้านี้เขาถือเป็นกองหน้าที่มีสถิติการทำประตูค่อนข้างเยี่ยมจากการยิงไป 118 ประตูให้กับ 3 สโมสร ทั้ง อันเดอร์เลทช์, เชลซี และเอฟเวอร์ตัน ซึ่งหากได้รับการขัดเกลาจาก คอนเต เชื่อว่าเจ้าตัวจะพัฒนาฝีเท้าได้มากขึ้นไม่มากก็น้อย

     โดยที่ผ่านมา อินเตอร์ มิลาน ถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีกองหน้าระดับตำนานเคยมาค้าแข้งมากมาย และฝากผลงานที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ เป็นเหตุให้วันนี้ทางทีมข่าวกีฬา “คม ชัด ลึก” ขอย้อนรอย 4 สุดยอดดาวยิงของ “งูใหญ่” ในช่วงทศวรรษนี้ว่าจะมีใครกันบ้าง

ซามูเอล เอโต

    ในปี 2009 อินเตอร์ มิลาน บรรลุข้อตกลงกับ บาร์เซโลนา ที่หวังจะเซ็นสัญญากับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ด้วยการรับข้อเสนอจำนวน 46 ล้านยูโร (ราว 1.55 พันล้านบาท) บวกกับ ซามูเอล เอโต เพื่อแลกกับการที่ดาวยิงทีมชาติสวีเดน ย้ายไปอยู่ถิ่น คัมป์ นู
และนี่คือหนึ่งในการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม หลังหัวหอกทีมชาติแคมเมอรูนโชว์ฟอร์มได้ดีตลอด 2 ซีซั่นที่อยู่กับทีม โดยในปีแรกเขาทำไป 16 ประตูจาก 48 นัด พร้อมพาทีมคว้าทริปเปิล ทั้ง กัลโช เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือเป็นการออกสตาร์ทการค้าแข้งในถิ่น จูเซปปา เมอัซซา ได้อย่างยอดเยี่ยม
    ขณะที่ในฤดูกาลที่ 2 เจ้าตัว กดไปอีก 37 ประตูจาก 53 นัด และซิวแชมป์ไปอีก 2 รายการคือ โคปปา อิตาเลีย และสโมสรโลก ซึ่งเรียกได้ว่าช่วงนั้น อินเตอร์ มิลาน กลับมาสู่ช่วงยุคทองอีกครั้งหลังถูก เอซี มิลาน คู่ปรับร่วมเมืองข่มเรื่องความสำเร็จอยู่หลายปี
อย่างไรก็ตามในซีซั่น 2011–12 ด้วยอายุที่มากขึ้น และต้องการหาความท้าทายใหม่ๆอีกครั้ง ทำให้ เอโต ตัดสินใจเก็บกระเป๋าไปอยู่กับ อันจิ มาคาชคาลา ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานที่ เอโต อยู่กับทีม แต่เชื่อว่าแฟนๆ “รอสโซเนรี” ก็แสดงความคิดถึงดาวเตะผู้นี้อยู่เสมอ

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิง 'งูใหญ่' ทศวรรษนี้

ดิเอโก มิลิโต

    “วิสัยทัศน์, การอยู่ถูกที่ถูกเวลา และเทคนิคที่ไร้ที่ติ ซึ่งเป็นทุกอย่างที่นักเตะในตำแหน่งศูนย์หน้าควรมี” คือคำนิยามที่ “เดอะ การ์เดียน” สื่อดังของอังกฤษบรรยายถึงหัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินารายนี้ในตลอด 5 ปีที่อยู่กับทีม
     โดย มิลิโต ย้ายมาอยู่ในถิ่น จูเซปปา เมอัซซา ตั้งแต่ปี 2009 เช่นเดียวกับ ซามูเอล เอโต หลังทำผลงานได้น่าประทับใจจาก เจนัว ซึ่งทาง ชูเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีมในขณะนั้นก็ไม่รอช้าที่จะวางเจ้าตัวเป็นศูนย์หน้าตัวจริงคู่กับ เอโต และเขาก็กลายเป็นดาวซัลโวของทีมทันทีหลังยิงไป 30 ประตูจาก 52 นัด และพาทีมได้ทริปเปิลแชมป์ คือ กัลโช เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
     หลังจากนั้นแม้ มิลิโต จากมีฟอร์มที่ไม่เหมือนเดิมเนื่องจากเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่เขาก็กลับมาเป็นตัวหลักให้ทีมได้อีกครั้งในซีซั่น 2011–12 ด้วยการทำไป 26 ประตูจาก 41 นัด ครองรองดาวซัลโวลีก ก่อนจะย้ายออกจากทีมไปในฤดูกาล 2014-15 ด้วยสถิติยิงให้ทีมรวมถึง 62 ลูกจาก 128 นัด

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิง 'งูใหญ่' ทศวรรษนี้
 

โรดริโก ปาลาซิโอ

    หลังจากหมดยุคของ อิบราฮิโมวิช และเอโต ไป อินเตอร์ ก็มีเพียง มิลิโต เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้ ทำให้พวกเขาต้องเร่งหาศูนย์หน้าคนใหม่เพื่อเข้ามาช่วยทีมผลิตสกอร์
   จนกระทั่งในฤดูกาล 2012-13 “งูใหญ่” คว้าตัว โรดริโก ปาลาซิโอ อีกหนึ่งกองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา มาจาก เจนัว ด้วยค่าตัว 10.5 ล้านยูโร (ราว 354 ล้านบาท)
   สำหรับ ปาลาซิโอ มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว รวมถึงมีจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคมทั้งการใช้เท้า รวมถึงลูกกลางอากาศซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะมีส่วนสูงเพียง 176 เซ็นติเมตร แต่เขาก็มักจะยิงประตูจากลูกโหม่งได้บ่อยครั้ง
   นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดาวเตะผู้นี้อยู่ในถิ่น จูเซปปา เมอัซซา ได้ถึง 5 ซีซั่นทั้งๆที่ทีมมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือไปหลายราย เนื่องจากเขาคือนักเตะที่มีความขยัน, ทุ่มเทและสามารถกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้ดี จนเป็นที่รักของแฟนๆเป็นอย่างมาก
    แม้เจ้าตัวจะไม่เคยคว้าแชมป์ร่วมกับ อินเตอร์ มิลาน ได้เลย ถึงกระนั้นการยิง 58 ประตูจาก 169 นัดก็ถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมสำหรับหัวหอกผู้นี้

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิง 'งูใหญ่' ทศวรรษนี้

เมาโร อิคาร์ดี

    124 ประตูจาก 219 นัด พร้อมขึ้นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทีมเป็นอันดับ 8 คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่า กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาผู้นี้คือสุดยอดดาวยิงเพียงใด และถือเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
    โดยดาวเตะวัย 26 ปี ย้ายมาอยู่กับ “งูใหญ่” มาตั้งแต่ฤดูกาล 2013–14 ด้วยค่าตัวเพียง 6.5 ล้านยูโร (ราว 219.3 ล้านบาท) เหตุขณะนั้นเขายังเป็นผู้เล่นดาวรุ่งอยู่ ซึ่งในซีซั่นแรกเขาก็ได้รับโอกาสลงสนามในถิ่น จูเซปเป เมอัซซา ไป 23 นัด และทำได้ 9 ประตู
    ก่อนในซีซั่นต่อมา เขาจะได้รับความไว้วางใจจากทั้ง วอลเตอร์ มาซซารี และโรแบร์โต มันชินี ให้ขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าตัวจริง ซึ่งเจ้าตัวก็ระเบิดฟอร์มหลังกดไปถึง 22 ประตูในลีก คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของ กับโช เซเรีย อา ร่วมกับ ลูกา โทนี
     และในฤดูกาล 2015–16 ได้เกิดเรื่องเซอร์ไพร์ซขึ้นเมื่อ มันชินี ตัดสินใจแต่งตั้งให้ อิคาร์ดี ที่ขณะนั้นมีอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น ให้ขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่แทนที่ อังเดรีย รานอคเคีย ทว่าเจ้าตัวกลับไม่มีความกดดันแต่อย่างใด หลังยังเดินหน้าถล่มประตูได้อย่างต่อเนื่องด้วยการยิง 16 ประตู จาก 34 นัด จนมีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมยื่นเงิน 30 ล้านยูโร (ราว 1.01 พันล้านบาท) เพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทีม
    โดยอีก 2 ซีซั่นต่อมา อิคาร์ดี ก็ยิงไปปีละ 26 ลูก ครองตำแหน่งดาวซัลโวของทีมได้อย่างต่อเนื่อง โดย ลูเชียโน สปัลเลตติ อดีตผู้จัดการทีม อินเตอร์ ที่เพิ่งลาทีมไปเมื่อซีซั่นที่แล้ว กล่าวถึงแข้งรายนี้่ว่า “เขาคือศูนย์หน้าที่มีความสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังสามารถรับความกดดันได้ดี เพราะหน้าที่ และความคาดหวังในตัวของเขาเมื่อเทียบกับอายุนั้นต้องเรียกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการรับมือ”
    อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของ อิคาร์ดี กับทีม ต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เหตุ วานดา นารา เอเยนต์ส่วนตัว และภรรยาของเจ้าตัว มีปัญหากับบอร์ดบริหารของ “งูใหญ่” เรื่องค่าเหนื่อย จนสุดท้ายเขาถูกปลดจากตำแหน่งกัปตันทีม รวมถึงไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามทั้งๆที่ไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน
     นอกจากนั้นในซีซั่นนี้แม้จะมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็น คอนเต รวมถึงมีการเคลียร์ใจกับบอร์ดบริหารของทีมเป็นที่เรียบร้อย ทว่าเขาก็ไม่มีชื่อในการทัวร์ปีซีซั่นกับทีม นอกจากนั้นยังเสียเบอร์ 9 ให้กับ ลูกากู อีกด้วย ทำให้สื่อหลายสำนักคาดการณ์ว่าเจ้าตัวอาจจะย้ายทีม โดยมี อาแอส โรมา และยูเวนตุส ให้ความสนใจ

ย้อนรอย 4 ยอดดาวยิง 'งูใหญ่' ทศวรรษนี้

     และนี่คือ 4 กองหน้าที่ดีที่สุดของ อินเตอร์ มิลาน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องมาติดตามกันว่า ลูกากู จะสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเพียงใด และจะสานต่อความสำเร็จของหัวหอกรุ่นพี่คนก่อนๆได้หรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ