ข่าว

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เชื่อว่าหลังจากจบเกมรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ทอตแนม ฮอทสเปอร์ พ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ไป 0-2 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

     แฟนๆของ “ไก่เดือยทอง” คงจะรู้สึก 2 อารมณ์ในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ อารมณ์เสียใจ ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ยูซีแอลได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รวมถึงจะเป็นการหยิบโทรฟีแรกนับตั้งแต่ถ้วยลีก คัพ เมื่อซีซั่น 2007–08
โดยทีมดังแห่งถิ่น นิว ไวท์ ฮาร์ท เลน ต้องฝ่าฟัน อุปสรรคมากมายกว่าจะผ่านมาสู่รอบชิงดำดังกล่าว ด้วยการผ่านทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี เต็ง 1 ของรายการในรอบ 8 ทีมสุดท้าย รวมถึงล้ม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในรอบตัดเชือกแบบปาฏิหารย์ช่วงนาทีสุดท้าย ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้

     ส่วนอีกอารมณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับแฟนๆของ สเปอร์ส นั่นก็ความภาคภูมิใจ โดยในฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้ใช้เงินเสริมทัพเลยแม้แต่บามเดียว ทว่าด้วยมันสมองของ เมาริซิโอ โปเชตติโน รวมถึงความสามารถ และจิตใจของผู้เล่นในทีม นำโดย แฮร์รี เคน, ซน เฮือง มิน, ลูคัส มูรา, คริสเตียน อิริคเซน, เดเล อัลลี รวมถึง อูโก ยอริส ส่งผลให้จบซีซั่นด้วยการคว้าอันดับ 3 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงคว้ารองแชมป์ของศึกยูซีแอลได้อย่างไม่มีข้อครหา

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"

     อย่างไรก็ตามหลายคนคงเกิดคำถามว่าในซีซั่นหน้า สเปอร์ส จะสามารถรักษามาตรฐาน และกลับมาประสบความสำเร็จมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาได้หรือไม่ เพราะเกิดข่าวลือมากมายขึ้นภายในทีมขณะนี้ ทั้ง การที่ โปเชตติโน เตรียมสละเก้าอี้กุนซือ รวมถึงการที่บรรดาผู้เล่นหลักหลายคนส่อย้ายไปอยู่กับบิ๊กทีมในทวีป ทำให้ล่าสุด “เดลี เมล์” สื่อดังของอังกฤษ ได้วิเคราะห์ถึงทิศทางนับจากนี้ของ “ไก่เดือยทอง” ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"

โปเชตติโน กับความท้าทายใหม่?
     สำหรับเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ผู้นี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ได้รับการยอมรับด้านฝีมือมากที่สุดรายหนึ่งของยุโรป เนื่องเจ้าตัวสามารถยกระดับ สเปอร์ส ขึ้นมากลายเป็นทีมระดับท็อปของยุโรปได้ในช่วงเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น
โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้นายใหญ่วัย 47 ปี ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือการที่เจ้าตัวชอบปั้นผู้เล่นดาวรุ่ง และกล้าเสี่ยงที่จะใช้แข้งเหล่านี้ลงสนาม ซึ่งนักเตะหลายคนก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเคี้ยวเข็ญของเจ้าตัว เช่น แอรืรี เคน, เดเล อัลลี และซน เฮือง มิน จนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมในขณะนี้ รวมถึงการใช้แทคติกเกมรุกที่มีความสวยงาม และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"
     ถึงกระนั้นสิ่งที่อดีตเฮดโค้ช เซาธ์แฮมป์ตัน ยังไม่สามารถทำได้ นั่นก็คือ การคว้าแชมป์ โดยนับตั้งแต่ที่เขาเริ่มอาชีพกุนซือเมื่อปี 2009 โปเชตติโน ยังไม่เคยคว้าโทรฟีในรายการใดๆมาครอบครองได้เลย ทั้งๆที่เขามีกึ๋นไม่แพ้ผู้จัดการทีมทีมชั้นนำรายอื่นๆ
     เหตุผลสำคัญที่ทำให้ โปเชตติโน ยังไม่ประสบความสำเร็จ เกิดจากการที่เขาได้คุมแต่ทีมที่เรียกได้ว่าเป็นระดับกลาง ทั้ง เอสปันญอล, เซาธ์แฮมป์ตัน และสเปอร์ส ตามลำดับ ซึ่งองค์ประกอบโดยรวมของทีม รวมถึงงบประมาณการเสริมทัพอาจจะไม่เอื้ออำนวยเหมือนบิ๊กทีมรายอื่นๆ
     โดยถึงแม้ โปเชตติโน ยังปัดตอบเรื่องอนาคตของตัวเอง แต่สื่อหลายสำนักคาดการณ์ตรงกันว่าอดีตแข้งทีมชาติอาร์เจนตินา เตรียมย้ายออกจากถิ่นนิว ไวท์ ฮาร์ท เลน เพื่อไปคุมทีมที่ใหญ่กว่านี้แม้จะเหลือสัญญากับทีมอีก 4 ปีก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวก็มีข่าวกับทั้ง เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
     จึงเรียกได้ว่าเป็นงานหนักของ ดาเนียล เลวี ประธานสโมสรที่จะต้องยื่นแผนการทำทีมที่มัดใจให้ โปเชตติโน อยู่คุมทัพต่อไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นความสำเร็จที่สร้างมาในช่วงหลายปีอาจต้องไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ก็เป็นได้

ปฏิบัติการรั้งแข้งหลัก
     แยน แฟร์ทองเกน กองหลังกัปตันทีม ให้สัมภาษณ์หลังจากจบนัดชิงของศึกยูซีแอลว่า “เรามีทีมที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งผมหวังว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่ด้วยกันต่อไป และประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน”
     อีกสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นกังวลสำหรับ สเปอร์ส ที่ขณะนี้กำลังลงตัวในทุกอย่าง ทั้งความเข้าใจในแทคติกของผู้เล่น รวมถึงความสัมพันธ์ในทีม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จ นั่นก็คือการที่อาจจะมีผู้เล่นคีย์แมนบางคนเก็บกระเป๋าออกจากทีมในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้
     เริ่มจาก คริสเตียน อิริคเซน มิดฟิลด์จอมทัพ ที่ถือเป็นหัวใจในแผงแดนกลางของทีม นับตั้งแต่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อปี 2013 โดยแข้งวัย 27 ปี มีจุดเด่นในเรื่องของการวางบอล ที่ค่อยข้างแม่นยำ ทั้งบอลสั้น และยาว รวมไปถึงการเล่นลูกนิ่งที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
     ด้วยฟอร์มอันโดดเด่น ทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวกับหลายบิ๊กทีมในยุโรป โดยเฉพาะกับ เรอัล มาดริด ที่กำลังจะสร้าง “กาลาติกอส” ยุคใหม่ และต้องการปรับปรุงแดนกลางที่ขณะนี้ทั้ง โทนี โครส, ลูกา โมดริช และคาเซมิโร ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งช่วยทีมได้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
     และล่าสุด อิริคเซน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตของตัวเองอย่างชัดเจนต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ โดยระบุว่า “ผมรู้สึกว่าผมอยู่ในจุดที่อาจจะต้องการลองอะไรใหม่ ๆ ในชีวิตค้าแข้ง ผมให้ความเคารพกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่ ทอตแนม อย่างสูงสุด ผมจะไม่พูดอะไรถึงทีมในแง่ร้าย แต่ผมก็จะไม่ปกปิดว่าผมอยากจะลองหาประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ บ้าง ผมหวังว่ามันจะมีความชัดเจนในซัมเมอร์นี้”
     ทำให้ เลวี เหลือทางเลือกไม่มากนักนั่นก็คือ การยื่นข้อเสนอที่มัดใจให้ อิริคเซน ต่อสัญญากับทีมต่อไปให้ได้ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องตัดใจขายสตาร์รายนี้ออกจากทีม ซึ่งคาดว่ามีค่าตัวไปต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 3.85 พันล้านบาท) ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเสียนักเตะไปแบบฟรีๆในช่วงหลังจบฤดูกาลหน้า

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"
     โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่มีข่าวว่าได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ผ่านมาเขาถือเป็นกองหลังที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอ และได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “ปีศาจแดง” กำลังต้องการนักเตะใหม่เพื่อเข้าไปขันแนวรับ นอกจากนั้นเขายังมีค่าฉีกสัญญาที่เหลือกับทีมอีก 1 ปีเพียง 25 ล้านปอนด์ (ราว 964 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับปราการหลังที่มีชื่อชั้นขนาดนี้
     แน่นอนว่า สเปอร์ส ไม่ต้องการปล่อยตัวดาวเตะวัย 29 ปี ออกจากถิ่นนิว ไวท์ ฮาร์ท เลน แต่หาก “เรด เดวิลส์” หวังล่าตัว อัลเดอร์ไวเรลด์ ไปร่วมทัพจริงๆก็คงเป็นเรื่องยากที่นักเตะจะปฏิเสธข้อเสนอ
      ขณะที่แข้งดังรายอื่นๆ ทั้ง แฮร์รี เคน, เดเล อัลลี และซน เฮือง มิน น่าจะอยู่เป็นแกนหลักของทีมต่อไป

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"

ผู้เล่นหน้าใหม่
     แม้ สเปอร์ส จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องใช้งบเสริมทัพ แต่อย่าลืมว่าคู่แข่งร่วมลีก รวมถึงในทวีปของพวกเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น และต้องมีการเสริมทีมกันอย่างแน่นอน ซึ่งหาก “ไก่เดือยทอง” อยากหยิบโทรฟีมาครองบ้างก็ต้องทุ่มงบในจุดนี้เพื่อทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
     ที่ผ่านมาพวกเขาก็ตกเป็นข่าวกับผู้เล่นหลายราย โดยเฉพาะกองกลาง เนื่องจากขณะนี้ “ไก่เดือยทอง” ขาดแคลนตำแหน่งดังกล่าวอยู่หลังจากปล่อยตัว มุสซา เดมเบเล ออกจากทีมเมื่อเดือนมกราคม, เอริค ไดเออร์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง รวมถึง คริสเตียน อิริคเซน ที่ส่อย้ายทีมเต็มที
      ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล กองกลางฟอร์มแรงของ โอลิมปิก ลียง คือหนึ่งในเป้าหมายของ สเปอร์ส ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงตัวดาวเตะผู้นี้มาเพราะนอกจากราคาที่ ฌอง-มิเชล โอลาส ประธานสโมสร ลียง ตั้งเอาไว้ที่ 80 ล้านปอนด์ (ราว 3.08 พันล้านบาท) แล้ว ก็ยังมีอีกหลายทีม ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี, ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ต้องการล่าลายเซ็นของมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้

ส่องทิศทางต่อไปของ "สเปอร์ส"
      เช่นเดียวกับ จิโอวานนี โล เซลโซ ห้องเครื่องของ เรอัล เบติส ที่เคยมีข่าวถึงขนาดว่า สเปอร์ส พร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญากว่า 88 ล้านปอนด์ (ราว 3.39 พันล้านบาท) เพื่อคว้าตัวแข้งทีมชาติอาร์เจนตินามาร่วมทัพเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีชื่อของ นิโคโล ซานิโอโล (อาแอส โรมา), ดอนนี ฟาน เดอ บีค (อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม) รวมถึง แจ็ค กรีลิช (แอสตัน วิลลา) ก็อยู่ในลิสต์การเสริมทัพของทีมด้วย
     ส่วนอีกหนึ่งตำแหน่งที่ยังเป็นจุดบอดของทีม นั่นก็คือ ฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากยังไม่มีผู้เล่นคนใดทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนสามารถยึดตัวจริงได้แบบถาวร ทำให้ โปเชตติโน ตกเป็นข่าวว่าอยากได้ตัว ไรอัน เซสเซยง แบ็คดาวรุ่งของ ฟูแลม รวมถึง อารอน วาน-บิสซากา แบ็คขวาอนาคตไกลจาก คริสตัล พาเลซ
     ขณะที่แนวรุก แม้จะมีผู้เล่นในตำแหน่งนี้หลายคน แต่ สเปอร์ส ยังต้องการเพิ่มอาวุธในการทะลวงตาข่ายคู่แข่ง โดยพวกเขาตกเป็นข่าวกับ วิลเฟร็ด ซาฮา ปีกฟอร์มเยี่ยมของ คริสตัล พาเลซ ซึ่งถ้าได้แข้งรายนี้มาเชื่อว่าเกมรุกของทีมจะต้องมีประสทธิภาพขึ้นไม่มากก็น้อย
     อย่างไรก็ตามผู้เล่นในลิสต์การเสริมทัพข้างต้นของ สเปอร์ส นั้นแต่ละคนก็มีค่าตัวที่ค่อนข้างสูง ทำให้พวกเขาจะต้องปล่อยผู้เล่นส่วนเกิดเพื่อระดมเงินมาเสริมในจุดนี้ ซึ่งก็มีชื่อของ วิคเตอร์ วานยามา, จอร์จส เควิน เอ็นคูดู, วินเซนต์ แยนเซน, แดนนี โรส และคีแรน ทริปเปียร์
     

      โดยต้องมาติดตามกันว่า สเปอร์ส ในซีซั่นหน้าจะมีรูปโฉมเปลี่ยนไปจากเดิมมากเพียงใดทั้งเรื่องของ ผู้จัดการทีม และตัวผู้เล่น รวมไปถึงพวกเขาจะยังคงรักษาฟอร์ม และหยิบโทรฟีแชมป์เป็นรายการแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2007–08 มาครองได้หรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ