ชวดชิงลูกหนัง "คิงส์คัพ"
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพครั้งที่ 47 ที่สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ทีมชาติไทย ดวลกับ “ดาวทอง” เวียดนาม โดยเกมนี้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ตัดสินใจให้ "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา เป็นตัวสำรองก่อน
ทีมช้างศึก11 คนแรก ประกอบด้วย กวินทร์ธรรมสัจจานันท์,อดิศร พรหมรักษ์, สุพรรณ ทองสงค์, พรรษา เหมวิบูลย์, ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม) , สารัช อยู่เย็น, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตองโด,สุภโชค สารชาติ, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ศุภชัยใจเด็ด
ครึ่งแรกเกมผ่าน10 นาทีแรก ทั้งสองทีมผลัดกันเปิดเกมบุกใส่กันอย่างสนุก แต่ เวียดนามบุกกดดันได้มากกว่า กระทั่งนาที 17 ไทยมาได้ลุ้นประตูก่อน เมื่อธีราทร บุญมาทัน วางบอลยาวขึ้นไปให้ ศุภชัย ใจเด็ด พาเข้าไปซัดด้วยขวาแต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นักเตะสกุลเหงียนยังเล่นได้วูบวาบน่ากลัวและเข้าถึงบอลเร็วจนนักเตะไทยทำอะไรไม่ถนัด เกมผ่านครึ่งชั่วโมง "ช้างศึก" เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้บ้างนาที 34 เกือบได้ประตูอีกครั้งเมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ได้ซัดนอกเขตโทษ บอลเฉียดเสาออกไปจบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0
ครึ่งหลัง ไทยส่ง สุมัญญา ปุริสาย ลงมาแทน สารัชอยู่เย็น เกมของ “ช้างศึก” ดีขึ้นบ้าง พาบอลบุกเข้าไปกดดันทีมเยือนได้มากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดนาที 70 ไทยส่งบอลตุงตาข่ายได้สำเร็จจากฟรีคิกของ ธีราทร บุญมาทัน ปั่นจากข้างสนามบอลกระดอนเข้าประตูไปแต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตูเพราะมีการฟาวล์เกิดขึ้นก่อน “ช้างศึก” ต้องเฮเก้อ
เกมเล่นกันหนัก จนผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองให้นักเตะทั้งสองทีมก่อนเรียกกัปตันทีมทั้ง 2 ฝั่งมาเตือน ท้ายเกม ไทยส่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวยิงวัย 16 ปี ลงแทน ศุภชัย ใจเด็ด กระทั่งนาทีทดเจ็บ เวียดนามมาได้ประตูชัย จากการโหม่งของ เหงียน อันห์ ดุ๊ค ทำให้ เวียดนาม ชนะไป 1-0 ได้เข้าชิงชนะเลิศ กับ กือราเซา ที่ชนะ อินเดีย 3-1 ส่วน ไทยต้องไป ชิงอันดับ 3 กับ อินเดีย ต่อไป
โปรแกรมการแข่งขัน “คิงส์คัพ” วันที่ 8 มิถุนายน
คู่ชิงที่ 3 อินเดีย พบ ไทย เวลา 15.30 น.
คู่ชิงชนะเลิศ กือราเซา พบ เวียดนาม เวลา 19.45 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง