คอลัมนิสต์

"สนธิญาณ"แนะจับตา"พีระพันธุ์" ชี้ "บิ๊กป้อม" แค่หัวหน้า พปชร. ขัดตาทัพหรือไม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "สนธิญาณ" แนะจับตา ที่ปรึกษานายกฯ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" -ชี้ "บิ๊กป้อม" แค่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขัดตาทัพหรือไม่ ซึ่งช่างประจวบเหมาะกับที่ พล.อ. ประวิตร ให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า ไม่พร้อมเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม วิเคราะห์ในรายการ "สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง" เผยแพร่ผ่านทางเพจ "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ในหัวข้อ ทำไม "สมคิด " ถึงช้ำ  ทำไม"ลุงป้อม" ต้องระวัง "สามมิตร" หรือ "ลุงตู่" เห็นด้วยให้เปลี่ยน "หัวหน้า " กับ"เลขาฯ"
โดยนายสนธิญาณ วิเคราะห์ว่า พลังประชารัฐ กระแส"กลุ่มสามมิตร"กำลังขึ้นสูง ส่วนจะเป็นกระแสชื่นชมหรือกระแส"ยี้" ก็ว่ากันไป ไม่ว่าใครจะปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่"กลุ่มสามมิตร" อย่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  บอกว่าไม่ได้อยู่ " กลุ่มสามมิตร" มาตั้งแต่ต้น ส่วน"นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" ก็บอกว่าไม่มี "กลุ่มสามมิตร" สลายไปแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงมี "กลุ่มสามมิตร "มาก่อน ซึ่งคนรู้กันว่า "สามมิตร" คือ "สมคิด " -"สุริยะ" -"สมศักดิ์ " 3 คนนี้มารวมตัวกันในช่วง"รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร" ร่วมรัฐบาล " สมคิด" เป็นนักวิชาการ กระฉับกระเฉง สมองว่องไว "สุริยะ" เป็นนักธุรกิจ ทิศทางท่าทีแบบนักธุรกิจ " สมศักดิ์ " นักการเมืองบ้านนอก ตรงไปตรงมา เติบโตตาม "นายมนตรี พงษ์พานิช " มาเกาะกลุ่มกันจึงเรียกว่า "สามมิตร" ในช่วง"พรรคไทยรักไทย" ต่อมา"พรรคไทยรักไทย" แตกจากการยึดอำนาจในช่วงปี 2549 ของ คมช.

                 

ในส่วนของ"พรรคพลังประชารัฐ" นายชวน ชูจันทร์ จดแจ้งชื่อตั้งพรรคพลังประชารัฐต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อ 2 มีนาคม 2561 โดยนายชวน เป็นเพื่อนกับนายสมคิด ซึ่ง"พรรคพลังประชารัฐ" ใครก็รู้ว่าตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกฯต่อ ทำให้มีกระแสต้านในเรื่องการสืบทอดอำนาจ ส่วนอีกด้านหนึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ จะไม่เป็นนายกฯต่อก็ไม่ได้ สำหรับคนที่มีอุดมการณ์รักชาติ เพราะขณะนั้นมีคนที่จะเป็นายกฯได้ 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์และพล.อ.ประยุทธ์  และ พล.อ. ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯเพราะความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการแก้ไขปัญหาจากการเข้ายึดอำนาจมีแรงปะทะต่อสู้กันทางการเมือง 29  ก.ย. 2561 เลือกกรรมการบริหารพรรค มีนายอุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์สนธิจิรวงษ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ ,กอบศักดิ์ ภูตระกูล เรียกว่า "  4กุมาร"  ซึ่ง "4 กุมาร" เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล คสช. พล.อ. ประยุทธ์ เพราะโล๊ะเอาทีมเศรษฐกิจชุดเก่าของ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ออกไป

 ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ นายสมคิด รองนายกฯเศรษฐกิจเป็นคนเลือกเอง 4 คนนี้ เป็นลูกน้องลูกศิษย์คนใกล้ชิดของนายสมคิด การที่สี่คนนี้ออกมาตั้งพรรคต่อให้นายสมคิด ออกมาปฏิเสธก็ไม่มีใครเชื่อว่านายสมคิด ไม่รู้เรื่อง
เป็นไปได้หรือที่ลูกไปทำการเมืองแล้วจะไม่หันมาถามพ่อบ้าง พ่อซึ่งชักชวนลูกซึ่งเป็นนักวิชาการเข้าสู่การเมือง  เมื่อสี่คนเริ่มก่อตั้งพรรคขึ้น ถามว่าทำไมไม่เป็น พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำไมไม่เป็นทหารคนอื่น รู้อยู่แล้วว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นเพื่อดัน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ ดังนั้นจึงกลัวจะถูกหาว่าเป็น"พรรคทหาร" เป็นพรรคที่จะมาสืบทอดอำนาจ  สำหรับสีคนที่มาก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ เป็น"ละอ่อน"ทางการเมือง ทั้งสี่คนไม่เคยทำงานการเมืองมาก่อน ทำแต่งานวิชาการ ทำธุรกิจ แนวคิดตั้งพรรค
 พลังประชารัฐ ที่ต้องการให้เป็นพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ เป็นนักวิชาการ เป็นรัฐมนตรีน้ำดี ผู้คนจะได้สนับสนุน แต่พอจะตั้งพรรคจริงๆ ไม่มีความมั่นใจว่าผลเลือกตั้งจะออกอย่างไร ซึ่งต่างกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะนายธนาธร เดินหน้าทำพรรคชูอุดมการณ์แล้วก็ทำโพล วิเคราะห์ สำรวจลงทำงานพื้นที่อย่างจริงจัง เคลื่อนไหวในเชิงลึกตลอดเวลา นั่นคือ พรรคอนาคตใหม่ ทำในตอนนั้น ซึ่งถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะกลายเป็น"พรรคเฉพาะกิจ" 
 ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่รู้ว่าจะเดินแบบไหน มีความคิดไปดึง"นักการเมืองเก่า"เข้ามา และหนึ่งในนั้นก็มีการดึง"กลุ่มสามมิตร" เข้ามาโดยเมื่อ วันที่ 25 ก.ย.61 ก่อนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ มีการจัดงาน"กลุ่มสามมิตร"ใหญ่โต สร้างกระแส"กลุ่มสามมิตร"จะเข้าพรรคพลังประชารัฐ มีเสียง "ยี้ " ตามมา วันนั้นเปิดตัวออกมาบอกว่ามี 200 กว่าคน คัด ส.ส. เกรดเอมาแล้ว 50 คน เชื่อว่าได้เป็น ส.ส. หมด และยังมีนักการเมืองดาวฤกษ์ และยังมีนักการเมืองท้องถิ่นอีกที่จะมาลงใน"กลุ่มสามมิตร" วันนั้น"กลุ่มสามมิตร"ประกาศว่าได้ ส.ส. ในนาม "กลุ่มสามมิตร" 80 คน จึงเป็นที่มาให้" กลุ่มสามมิตร" เข้ามาอยู่พรรคพลังประชารัฐ 
  แหล่งข่าวในสายทหาร ไม่มีใครเห็นด้วยที่จะให้"กลุ่มสามมิตร" มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ แต่สายของนายสมคิด โดยบทบาทของ"4กุมาร"ซึ่งเป็นลูกน้องของนายสมคิดกับ"กลุ่มสามมิตร" จัดตั้งรัฐบาลในเวลาต่อมาเมื่อผลเลือกตั้งออกมาแพ้พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะในภาคอีสาน "กลุ่มสามมิตร" เข้ามาสิบกว่าคน จึงมีการเคลื่อนไหว ในขณะที่เสียงปริ่มน้ำมาก ก็เกิดการช่วงชิงตั้งรัฐบาล ต่อมามีการดึงพรรคเล็กมาร่วมตั้งรัฐบาล

 วันนี้"กลุ่มสามมิตร" โดยนายสมศักดิ์ ได้แสดงออกอีกครั้งหนึ่งสนับสนุน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนหน้านั้น นายสมศักดิ์ ก็มาแถลงตัดหน้าว่าจะมีการแถลงข่าวใหญ่ โดยวันที่ 1 มิ.ย. นายไพบูลย์ นิติตะวัน แถลงข่าวใหญ่ 18 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐลาออกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ  เป้าทั้งหมดพุ่งมาที่นายสมศักดิ์ และเชื่อมโยงไปยัง พล.อ. ประวิตร ทันที พล.อ. ประวิตร เละ ในขณะที่ วัชระ กรรณิการ์ ซึ่งเป็นคนสนิทของนายสนธิรัตน์  ออกมาแถลงว่า นายสมคิด ไม่เอา"สามมิตร"แล้ว  ทำว่าหอบมา 20 กว่าเสียง เหลือแค่ "สองมิตร"หมดราคา ตอนนี้คนจับตาว่าที่"สามมิตร" เคลื่อนไหวอยู่นี้เพราะต้องการตำแหน่งที่ใฝ่ฝันหรือไม่ เป็นการรู้ทางลม เป็นความเชี่ยวชาญทางการเมืองหรือไม่

"บอกคุณสมศักดิ์และคุณสุริยะ  เมื่อพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี  เดิมพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ 3 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ นายสมคิด นายอุตตม สาวนายน แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่เอา  ให้เสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ เพียงคนเดียว เป็นความไม่ธรรมดาทางการเมืองของ พล.อ. ประยุทธ์  พอจัดตั้งรัฐบาล รู้ทั้งรู้ว่านายสุริยะ ต้องการคุมกระทรวงพลังงาน แต่รัฐมนตรีพลังงานกับตกเป็นของนายสนธิรัตน์ ขณะเดียวกัน อีกชื่อที่คิดว่าจะเป็นรัฐมนตรีพลังงานก็คือนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ อดีต กปปส.ซึ่งมีข่าวว่าบิ๊กพลังงาน(ภาคเอกชน) หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จึงให้ นายสนธิรัตน์นั่ง  นี่คือความไม่ธรรมดาของ พล.อ.ประยุทธ์  นายสุริยะ จะโวยวายก็เหมือนกลืนเลือด น้ำท่วมปาก พูดไม่ออก"

 การเมืองหลังจากนี้ อีก 41 วัน จะต้องมีการเลือกกรรมการบริการพรรคใหม่ " 4 กุมาร" โดยนาย อุตตม ประกาศสู้ สู้แน่นอน กรรมการบริหารพรรคไม่ได้ชี้ขาด ส.ส.ต่างหากที่ชี้ขาด ฉะนั้น 41 วันต่อจากนี้ จับตาดูว่า " สองกลุ่ม"จะสู้กันอย่างไร

"ผมอยากสรุปตอนท้ายว่าพี่น้อง 3 ป. พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีทางว่าทำอะไรแล้วจะไม่คุยกัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ธรรมดา พี่น้อง 3 ป. ก็ไม่ธรรมดา เพราะพล.อ.ประวิตร  เคยลั่นวาจาว่า พล.อ. ประยุทธ์ ไปเมื่อไหร่ ตนก็ไปเมื่อนั้น  ดังนั้นการเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ. ประวิตร เที่ยวนี้  จะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เกี่ยวไม่ได้ เพราะมีหรือ พล.อ. ประยุทธ์กับ พล.อ. ประวิตร ไม่คุยกัน และพล.อ. ประยุทธ์รู้ดีว่า สิ่งที่พล.อ.ประวิตรทำก็เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้บริหารนำพาบ้านเมืองต่อไป แต่วันนี้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษเยอะ รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พล.อ. ประวิตร ต้องตั้งหลักให้ดี"
 "ให้จับตา ผู้ชายคนที่ชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้ดี เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมอยู่ๆลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และได้ตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น เป็นประธานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ธรรมดา  สังเกตเวลานายกตั้งที่ปรึกษาต่างๆทั้งโควิด-19  “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”อยู่ด้วยทั้งนั้น จับตาชื่อนี้ไว้ให้ดี พล.อ. ประวิตร แค่มาขัดตาทัพหรือไม่  หรือจะเกิดปฏิกริยาในทางการเมืองวันข้างหน้าเพื่อให้ พล.อ. ประยุทธ์ ดูแลบ้านเมืองไปอีกสักพักหนึ่ง จับ ตาดูพี่น้องสองคนนี้แยกกันไม่ออก พล.อ. ประวิตร ยืนยัน ทำทั้งหมดเพื่อ"ลุงตู่"  "ลุงตู่" ไปเมื่อไหร่ตนเองไปเมื่อนั้น "

ทั้งนี้วันนี้ พล.อ. ประวิตร ออกมาปฏิเสธว่าไม่พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยเมื่อนักข่าวถามว่า หากสมาชิกพรรคเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมรับหรือไม่ พล.อ. ประวิตร  กล่าวตอบว่า ยังไม่พร้อม 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ