คอลัมนิสต์

"เพื่อไทย"หมอบเลือกซ่อมลำปาง สัญญาณเลือดไหลไม่หยุด!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เพื่อไทย"หมอบเลือกซ่อมลำปาง จับสัญญาณเลือดไหลไม่หยุด! อดีตแกนนำทยอยออกจากพรรคต่อเนื่อง สะท้อนปัญหาจากภายในพรรค ซึ่ง "คนแดนไกล" เองก็ยังเคยวิเคราะห์กับคนใกล้ชิดว่า "ตกยุค" ไปแล้ว และเป็นคู่แข่งได้แค่กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นเอง 

การปฏิเสธลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปางเขต 4 ของ นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส.หลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง จากค่ายเพื่อไทยนั้น ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง 

เพราะเหตุผลที่นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยนำมาอธิบายนั้น ดูจะยังไม่มีน้ำหนักมากพอ 

โดยเฉพาะเรื่องที่ว่านายพินิจไม่มีความพร้อม เพราะเพิ่งสูญเสียลูกชาย คือ นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส.เขต 4 ลำปาง จนนำมาสู่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ 

แต่คำถามก็คือ ถ้าสภาพจิตใจไม่พร้อม ก็น่าจะตัดสินใจไม่ลงสมัครตั้งแต่ต้น เหตุใดถึงปล่อยทอดเวลามานานจนถึงวันรับสมัครวันสุดท้ายเพราะสื่อมวลชนก็ไปรอรายงานตั้งแต่เช้า ก็มีข่าวว่าจะมาช่วงบ่าย กระทั่งสรุปว่าไม่ลงสมัครในที่สุด 

ผลกระทบเกิดขึ้นทันทีกับพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่อยู่การไม่ส่งผู้สมัคร ก็เท่ากับพ่ายแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง และเสียเก้าอี้ ส.ส.ไปฟรีๆ 1 เก้าอี้ แถมยังมีแนวโน้มสูงที่จะไปเพิ่มแต้มให้พรรครัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย 

เพราะคู่แข่งที่มีลุ้นที่สุด กลายเป็น ร้อยตำรวจโท สมบูรณ์ กล้าผจญ จากพรรคเสรีรวมไทย แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็ได้คะแนนไปเพียง 2,466 คะแนนเท่านั้น 

ขณะที่ นายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ไป 30,368 คะแนน เป็นอันดับ 2 รองจากนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส.จากเพื่อไทยที่กวาดไปถึง 42,984 คะแนน 

ฉะนั้นหากนายพินิจและพรรคเพื่อไทยไม่ไฟเขียวเทคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเสรีรวมไทย ย่อมมีโอกาสสูงมากที่นายวัฒนา จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง จะชนะไปแบบแบเบอร์ 

ผลเสียหายอย่างร้ายแรงก็คือ ช่องว่างของเสียงในสภาระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันถ่างกว้างถึง 64 เสียงอยู่แล้ว / คือ รัฐบาลมี 275 เสียง ฝ่ายค้าน 211 เสียง ไม่นับรวมนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ลูกพรรคย้ายไปสังกัดรัฐบาล และหักนายอิทธิรัตน์ที่เสียชีวิตไป เมื่อเป็นแบบนี้รัฐบาลก็จะได้แต้มเพิ่มเป็น 276 เสียง และช่องห่างในสภาจะกลายเป็น 65 เสียงเลยทีเดียว 

นี่ยังไม่นับ 2 ส.ส.เพื่อไทย กับอีก 1 ส.ส.ประชาชาติ ที่ปันใจไปให้รัฐบาล จนถูกสั่งห้ามร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับฝ่ายค้านอีก 3 เสียงด้วย 

การไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้งของนายพินิจ จึงไม่น่ามีเหตุผลแค่สภาพจิตใจไม่พร้อม หรือเตรียมไปเล่นสนามท้องถิ่น เพราะแจ้งพรรคแบบกระชั้นชิด แถมยังไม่มีตัวตายตัวแทนให้กับพรรคด้วย ครั้นจะไปเทคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทย ก็ดูแปลกๆ เพราะตัวเองเป็นเจ้าของพื้นที่อยู่

 เหตุนี้เองจึงมีการวิเคราะห์กันว่า ท่าทีของนายพินิจ มีอะไรในก่อไผ่หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ก่อนการเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคมปี 62 ก็เคยมีข่าว "ทีมบ้านดอยเงิน" ภายใต้การนำของ นายพินิจ จันทรสุรินทร์ เตรียมย้ายข้างไปเข้าค่ายพลังประชารัฐรอบหนึ่งแล้ว จนทำให้ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย บินไปร่วมงานวันเกิดภรรยาของนายพินิจถึงถิ่น เพื่อซื้อใจและประกาศกลางงานว่า"ตระกูลจันทรสุรินทร์"จะอยู่กับ"เพื่อไทย"ต่อไป

 ต้องรอลุ้นว่า 1 ใน 2 บ้านใหญ่ที่ครองสนามการเมืองของลำปางอย่างตระกูลจันทรสุรินทร์ (อีก 1 บ้านใหญ่คือตระกูลโล่ห์สุนทร) จะขยับทิ้งพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้หรือไม่ 

 เพราะหากจับอาการพรรคเพื่อไทยช่วงหลังๆ กำลังเจอปัญหาเลือดไหลออกไม่หยุด ท่ามกลางกระแส "ซดเกาเหลา" ระหว่าง "กลุ่มคุณหญิง" กับกลุ่มอื่นๆ ภายในพรรค โดยเฉพาะ "กลุ่มบ้านริมคลอง" ที่นำโดย ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง จนทำให้งานในสภาง่อยเปลี้ยเสียขา ขนาดอภิปรายไม่ไว้วางใจยังออกแนวมวยล้มต้มคนดู หาขุนพลถล่มรัฐบาลจังๆไม่ได้เลย แถมโดนอดีตพรรคอนาคตใหม่แย่งซีนไปอีก 

 ที่ผ่านมามีอดีตแกนนำทยอยออกจากพรรค หรือประกาศยุติบทบาทอย่างต่อเนื่อง เช่น นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ลาออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อพรรคเสมอภาค 

 "เสี่ยเพ้ง"นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลมือขวานายใหญ่-คนแดนไกล ก็ประกาศล้างมือในอ่างทองคำไปก่อนหน้านี้

 แต่ล่าสุดไปปรากฏชื่อร่วมตั้งกลุ่มCARE กับ"พี่อ้วน"ภูมิธรรม เวชยชัย"  -หมอมิ้ง" พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดชและ"หมอเลี้ยบ" สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี 

ซึ่ง ภูมิธรรม เองก็เพิ่งถอยจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค เปิดทางให้นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ จากสายคุณหญิง ขึ้นเป็นเลขาฯแทน 

ขณะที่อีกด้าน "เสี่ยอ๋อย" จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ก็ขยับตั้งพรรคใหม่ โดยน่าจะร่วมกับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติอีกคนที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังพรรคถูกยุบ ซึ่งก็น่าแปลกที่ทั้งสองคนไม่กลับชายคาเก่าพรรคเพื่อไทย แต่กลับตั้งพรรคใหม่ซึ่งต้องใช้ทุนไม่น้อยเลย 

เช่นเดียวกับอดีตขุนพลคนเสื้อแดง อย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็ไม่ได้กลับไปร่วมใต้เงาพรรคเพื่อไทยยุค "คุณหญิงหน่อย" ด้วยเช่นกัน 

ทั้งหมดสะท้อนปัญหาจากภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่ง "คนแดนไกล" เองก็ยังเคยวิเคราะห์กับคนใกล้ชิดว่า "ตกยุค" ไปแล้ว และเป็นคู่แข่งได้แค่กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นเอง 

แต่แน่นอนว่าเลือดที่ไหลออกไปและพรรคใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ บางส่วนอาจไม่ได้ย้ายข้าง ก็จะไปสอดรับกับ "ยุทธการแตกแบงก์พัน" ของนายใหญ่เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ภายใต้ปัญหาขัดแย้ง แตกแยก ในแบบแยกกันเดินและอาจไม่ได้กลับมารวมกันตี! 

"เพื่อไทย"หมอบเลือกซ่อมลำปาง สัญญาณเลือดไหลไม่หยุด!

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ